หัวหน้า คสช.ถ่ายสดมอบนโยบาย งบปี 58 ย้ำโปร่งใส ไม่สิ้นเปลืองเกินกรอบวินัยคลัง และแจงให้ชาวบ้านรู้ภาระหนี้สินชาติ ใช้พอเพียงแนวทางชีวิต ชี้ข่าวลือเดินหน้าสาธารณูปโภค 3 ล้านล้านถ้ายังไม่ได้เซ็นก็คือยังไม่ได้สั่ง ยันไล่จับต่างด้าวไม่จริง ปัดทำประชานิยม เร่งปรับโครงสร้างภาษี บอกแก้ปัญหาต้องทุกมิติ ลั่นไม่มีจำนำข้าว-ประกันราคา เน้นลดต้นทุนแทน ใครไม่เห็นด้วยขอชะลอไว้ แย้มปลาย ส.ค.-ต้น ก.ย.ได้รัฐบาลใหม่ อย่าเพิ่งพูดใครบ้าง ย้ำอยู่ไม่นาน
วันนี้ (13 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ประชุมมอบนโยบายจดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2558 โดยย้ำให้จัดทำด้วยความโปร่งใส ไม่สิ้นเปลืองเกินกรอบวินัยการเงินการคลัง หนี้สาธารณะต้องไม่เกินที่กฎหมายกำหนด และต้องชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงภาระหนี้สินของประเทศ ส่วนการรายงานเปรียบเทียบผลการดำเนินการทางเศรษฐกิจต้องสรุปเศรษฐกิจก่อน 22 พ.ค. และหลัง 22 พ.ค. เพราะไม่ใช่ว่าคสช.เข้ามาแล้วทำให้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจลดลง การทำงบประมาณครั้งนี้ต้องเน้นคุณภาพปริมาณมากกว่าการปล่อยให้รั่วไหลใช้สิ่งที่ไม่จำเป็น ต้องอธิบายว่าการตั้งกรอบเงินกู้ไม่ได้หมายความว่ากู้แล้วเป็นหนี้ เพราะคนไทยจะตื่นเต้นและกลัว เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย จะเป็นหนี้ก็ต้องอธิบายให้เขาไม่ตื่นตระหนก นอกจากนี้ขอให้ทุกคนเน้นย้ำเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการดำรงชีวิต
“วันนี้มีคนปล่อยข่าวว่า คสช.จะเดินหน้าโครงการสาธารณูปโภค 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเขาปล่อยออกมาเพื่อให้ประชาชนเรียกร้อง ก็ขอให้ทุกคนช่วยอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ข่าวที่ออกมาหากไม่มีคำสั่ง หรือลายเซ็นของผม ก็คือยังไม่ได้สั่ง หรือข่าวที่ปล่อยว่าตำรวจ-ทหารจะไปจับแรงงานต่างด้าวทั่วประเทศก็ไม่เป็นความจริง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
หัวหน้า คสช.กล่าวอีกว่า ปัญหาวันนี้เราต้องรับฟังความต้องการของประชาชน และยืนยันว่ามาตรการที่ คสช.ออกมาไม่ใช่เป็นประชานิยม ขณะนี้เรากำลังปรับโครงสร้างทั้งเรื่องโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม เรื่องราคาพลังงานก็ขอความร่วมมือให้ตรึงไว้ก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ตนไม่อยากให้มองว่า คสช.คืนความสุขจนสำลักแล้วมองว่าทหารไม่เข้าใจอะไร ตนเข้าใจดี การแก้ปัญหาต้องทำในทุกมิติ ที่ผ่านมาเราขาดความชัดเจน ไม่ตอบโจทย์ความเข้าใจประชาชน เราต้องสร้างประชาธิปไตยของประเทศขึ้นมาใหม่โดยใช้สติปัญญาของทุกคน เพราะเรารู้ว่าคนไทยเป็นอย่างไร อย่าให้คนอื่นเข้ามาจัดการ แพงก็แพง ดังนั้นเราต้องใช้ความสามารถของเราภายใต้ความโปร่งใส พร้อมยืนยันว่าวันนี้จะไม่มีโครงการรับจำนำข้าวและประกันราคา แต่จะไปดูเรื่องของการลดต้นทุนการผลิตแทน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ คสช.เข้ามามีปัญหาที่ต้องให้แก้ไขหลายอย่าง บางอย่างน่าชื่นชมยินดี บางอย่างก็หงุดหงิด เราไม่มีความสุขมา 9 ปีเต็มแล้ว ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.เราก็ต้องมีความสุข ใครไม่เห็นด้วยก็ขอชะลอไว้ก่อน ให้เราแก้ปัญหา การดำเนินคดีทุกเรื่องก็ดำเนินการอยู่ ขอให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ และในเดือน ต.ค.นี้เราก็จะมีรัฐบาล จากนั้นจะนำไปสู่การตั้งสภาปฏิรูปซึ่งจะมีทั้งคู่ขัดแย้งเข้ามา การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน และการแก้บริหารราชการแผ่นดิน หากแก้ความขัดแย้งไม่ได้ เจอหน้ายังชกกัน ตนก็ต้องอยู่นาน วันนี้ความขัดแย้งฝังลึก การตั้งรัฐบาลจะเป็นใครบ้างนั้นอย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์กันล่วงหน้า เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีใครบ้าง รอให้ถึงเวลาก่อนค่อยว่ากันตอนนั้น
“เรื่องระยะเวลามีคนถามกันจัง คนมันใจร้อน ผมก็บอกไปแล้วช่วงที่เข้ามาควบคุมอำนาจเดือนแรกอาจวุ่นวาย จากนั้น 3 เดือน มิถุนายนถึงสิงหาคมต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อย มีธรรมนูญปกครอง ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งนายกรัฐมนตรี มีคณะรัฐมนตรีบริหารราชการให้ทันกันยายน การตั้งรัฐบาลได้ภายในสิงหาคม หรือต้นกันยายน ต้องเผื่อเรื่องไว้สัก 15 วันก่อนทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนใครจะมาเป็นผมยังไม่รู้ ผมคิดว่าสิ่งที่กล่าวชัดเจนนะ หรือจะให้ตอบอีกไหม วินาทีไหน ปฏิทินเดียวกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลังจากตั้งรัฐบาล ประมาณเดือนตุลาคมมีสภาปฏิรูปโดยคัดมาจากภาคส่วนต่างๆ เลือกมา 2-3 เท่า แล้วมาคัดเลือกตามที่ต้องการ จากนั้นก็เอาเรื่องที่แต่ละภาคส่วนทำการปฏิรูปนำมาพบปะ ขณะที่การเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศนั้น ตนเคยบอกแล้วถึงเหตุผลความจำเป็นและการกำหนดปฏิทินการทำงาน แต่ก็มีสื่อมวลชนถามแล้วถามอีก ตนพูดครั้งเดียวก็ไม่ได้ พูดน้อยไปก็ไม่ได้ แต่พูดไปแล้วกลับมาหาจุดผิดของตน มาตีเป็นอะไรกัน สมองมันเสียหรือเปล่า
“เอาละผมรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว นี่ดึงคนอื่นมาร่วมด้วยอีก ผมอยู่ไม่นานหรอก สิบวันผมก็เบื่อแล้ว แต่ที่ต้องยืนอยู่ตรงนี้เพราะเห็นอนาคตประเทศไปไม่ได้ ใครที่ต้องการประชาธิปไตย ผมเห็นว่าไปไม่ได้ แบ่งฝ่ายขัดแย้งกัน ถามว่าประชาธิปไตยแบบไหน อยู่ที่เราจะให้เขาจูงไปอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ผมว่าฝ่ายดีเยอะกว่าฝ่ายไม่ดี ไม่ต้องห่วงผมมีกี่ฝ่ายมีฝ่ายเดียว ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน ถ้าเห็นว่าผมอยู่ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ตั้งแต่ปีแรกผมก็โดนย้ายไปแล้ว ใครจะใช้ผมในสิ่งผิด ผมก็ทำไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว