วงในเผยหนังสือผู้ตรวจฯ ถึง คสช. ปมยุบกองทุนน้ำมัน ประธานตัดประเด็นจัดเก็บภาษีไม่ถูกต้อง วิจารณ์แซดทำเนื้อหาอ่อนลง ด้านที่ปรึกษาผู้ตรวจฯ ชี้ใช้เวลาศึกษานานนับปี มองใช้กลไกรัฐจัดการได้
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหนังสือถึง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ว่า เรื่องดังกล่าวทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้เวลาศึกษานานกว่า 1 ปี มีการเชิญนักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องดังกล่าวมาให้ข้อมูล และเห็นว่าการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นควรให้ยกเลิกกองทุนฯ ดังกล่าว โดยผู้ตรวจฯควรยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อยกเลิก แต่เมื่อเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็เห็นว่าควรส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือนายกรัฐมนตรีดำเนินการแก้ไขปัญหาก่อน เพราะสามารถใช้กลไกการบริหารของรัฐจัดการได้ หากไม่มีการดำเนินการผู้ตรวจฯ จึงค่อยยื่นต่อศาลปกครอง แต่มาเกิดการรัฐประหารเสียก่อน รัฐบาลรักษาการสิ้นผลไป ผู้ตรวจฯ จึงต้องส่งหนังสือดังกล่าวไปให้ คสช. ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งคงต้องรอดูผลว่า คสช. จะดำเนินการอย่างไร
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าวเดิมหนังสือที่ผู้ตรวจฯ จะมีถึงรัฐบาล หรือ คสช. มีเนื้อหารวมกว่า 10 หน้า เพราะนอกจากจะมีรายละเอียดเรื่อง การจัดตั้งกองทุนน้ำมันไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับ การเก็บเงินภาษีเข้ากองทุนน้ำมันว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะการจะเก็บภาษีนั้น ต้องออกเป็น พระราชบัญญัติ หรือ พระราชกำหนด แต่ที่กองทุนน้ำมันจัดเก็บอยู่เป็นการใช้มติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินการ ซึ่งเมื่อเอกสารดังกล่าวทางสำนักงานฯ ยกร่างเสร็จและเสนอไปยังประธานตรวจการแผ่นดิน ก็ได้มีการตัดเนื้อหารายละเอียดของหนังสือที่จะส่งไปในส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีนี้ออก ทำให้รายละเอียดของหนังสือที่สำนักงานผู้ตรวจส่งไปถึง คสช. นั้นเหลือ 4 หน้า ซึ่งก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงานของสำนักงานว่า ทำให้เนื้อหาของหนังสือดังกล่าวอ่อนลง
วันนี้ (6 มิ.ย.) นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหนังสือถึง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ยกเลิกกองทุนน้ำมัน ว่า เรื่องดังกล่าวทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้เวลาศึกษานานกว่า 1 ปี มีการเชิญนักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องดังกล่าวมาให้ข้อมูล และเห็นว่าการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นควรให้ยกเลิกกองทุนฯ ดังกล่าว โดยผู้ตรวจฯควรยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อยกเลิก แต่เมื่อเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็เห็นว่าควรส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือนายกรัฐมนตรีดำเนินการแก้ไขปัญหาก่อน เพราะสามารถใช้กลไกการบริหารของรัฐจัดการได้ หากไม่มีการดำเนินการผู้ตรวจฯ จึงค่อยยื่นต่อศาลปกครอง แต่มาเกิดการรัฐประหารเสียก่อน รัฐบาลรักษาการสิ้นผลไป ผู้ตรวจฯ จึงต้องส่งหนังสือดังกล่าวไปให้ คสช. ในฐานะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งคงต้องรอดูผลว่า คสช. จะดำเนินการอย่างไร
รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีดังกล่าวเดิมหนังสือที่ผู้ตรวจฯ จะมีถึงรัฐบาล หรือ คสช. มีเนื้อหารวมกว่า 10 หน้า เพราะนอกจากจะมีรายละเอียดเรื่อง การจัดตั้งกองทุนน้ำมันไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ยังจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับ การเก็บเงินภาษีเข้ากองทุนน้ำมันว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะการจะเก็บภาษีนั้น ต้องออกเป็น พระราชบัญญัติ หรือ พระราชกำหนด แต่ที่กองทุนน้ำมันจัดเก็บอยู่เป็นการใช้มติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินการ ซึ่งเมื่อเอกสารดังกล่าวทางสำนักงานฯ ยกร่างเสร็จและเสนอไปยังประธานตรวจการแผ่นดิน ก็ได้มีการตัดเนื้อหารายละเอียดของหนังสือที่จะส่งไปในส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษีนี้ออก ทำให้รายละเอียดของหนังสือที่สำนักงานผู้ตรวจส่งไปถึง คสช. นั้นเหลือ 4 หน้า ซึ่งก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงานของสำนักงานว่า ทำให้เนื้อหาของหนังสือดังกล่าวอ่อนลง
