รักษาการปลัดกลาโหม ประชุมทีมเตรียมปฏิรูป ชู 4 ข้อ ความเชื่อที่ต่าง ความไม่ศรัทธากระบวนการยุติธรรม ยุยงปลุกปั่น และขยายความขัดแย้ง ใช้เวลา 2 เดือนฟังความเห็นประชาชน ใช้ 3 ขั้นตอน เน้นใช้กฎหมายฟันพวกยุยง “บวรศักดิ์-ธีรภัทร์” โผล่แจม
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมนัดแรกของคณะทำงานเพื่อเตรียมการปฏิรูปประเทศไทย โดยเชิญหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานต่างๆ ภาคสังคม สถาบันการเมืองการปกครอง และผู้แทนทุกเหล่าทัพเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุมได้หารือถึงข้อกำหนดแนวทางการปฏิรูปเป็น 4 หัวข้อหลัก คือ 1. เรื่องความคิดความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่าง 2. ความไม่เชื่อศรัทธากระบวนการยุติธรรม หรือสองมาตรฐาน 2 หัวข้อประเทศทั่วโลกมีเหมือนกัน แต่ของไทยจะแตกต่างตรงที่เรามีข้อ 3 คือ เรื่องการปลุกปั้น ยุยง สร้างความเกลียดชังต่างๆ และ ข้อ 4. การตอกย้ำขยายความขัดแย้ง ซึ่งพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงของผู้เห็นต่าง นอกจากนี้ การปฏิรูปการเมืองที่ประชุมอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และการจัดทรัพยากรที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ปฏิรูปกฎหมาย และการทุจริตคอร์รัปชัน คณะทำงานได้กำหนดกรอบกว้างๆ โดยขั้นตอนต่อไปจะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งประเทศ และนำมาสังเคราะห์หาข้อสรุปก่อนที่จะรวบรวมผลเพื่อเสนอต่อ คสช.เพื่อให้สภาปฏิรูป หรือสภานิติบัญญัติ ไปใช้ประโยชน์ต่อ ทั้งนี้ หัวหน้า คสช.ได้เน้นย้ำให้หาแนวทางที่ทำให้คนไทยเคารพกฎหมาย และกติกาของบ้านเมือง
“ผมจะใช้เวลา 2 เดือนเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน คงจะได้มากพอสมควร นอกจากนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปของเดิมอยู่แล้ว และจะให้ทีมงานสกัดแยกข้อมูลออกมา และเสนอไปยัง คสช.เพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้ง ต่อจากนี้ไปทางคณะทำงานจะมีการประชุมทุกวัน รวมถึงทำงานในวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย และมองว่าประชาชนจะยอมรับรูปแบบการปฏิรูปของ คสช. เพราะข้อมูลทุกอย่างได้รับมาจากความคิดเห็นของประชาชน โดยขั้นตอนต่อไปจะให้ผู้มีอำนาจไปร่างกฎหมาย สำหรับขั้นตอนการจัดเสวนาทางสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จะเป็นเจ้าภาพ พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ของคณะทำงานคือ rfm.mod.go.th หรือที่อีเมล rfm@mod.go.th หมายเลขโทรศัพท์ 0-2622-3065 และ 0-2222-9201” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว
มีรายงานว่า สำหรับแนวทางการปฏิรูปนั้น มีทั้งเรื่องการเมืองการปกครอง กระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่ควบคุมการยุยงปลุกปั่นให้แตกแยก และการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ต้องใช้กฎหมายป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกรอบการดำเนินการ คือ ขั้นที่ 1 รวบรวมข้อมูล โดยนำผลงานที่มีอยู่เดิม มาประกอบกับข้อเสนอของกลุ่มต่างๆ รวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ จากนั้นนำข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์ เพื่อจัดทำ หัวข้อการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ขั้นที่ 2 การรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ด้วยการ จัดเวทีสานเสวนาในส่วนกลาง หรือสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้ง การส่งหัวข้อรับฟังให้ศูนย์ปรงดองฯ เพื่อจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นจากประชาชนทุกกลุ่มทั่วประเทศ รับฟังความความคิดเห็นประชาชนผ่านเว็บไซต์และตู้ไปรษณีย์ คณะทำงานฯ
ขั้นที่ 3 รวบรวมผลการรับฟังความคิดเห็นจากทุกช่องทาง มาจัดกลุ่ม แยกประเด็นให้ครบถ้วน และขั้นที่ 4 สรุปผลความคิดเห็นเพื่อรายงาน คสช.ต่อไปก่อนจะส่งมอบให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติและสภาปฏิรูปนำไปดำเนินการต่อ
มีรายงานว่า สำหรับผู้ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มีระดับปลัดกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนส่วนราชการต่างๆ พร้อมทั้งนายบวรศักดิ์ อุวรรโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง เป็นต้น