อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยกระทรวงตั้งอัครราชทูตไทย รักษาการเอกอัครราชทูต ประจำกรุงลอนดอน แทน “ปสันต์” ไปก่อน ย้ำดูความเหมาะสมไม่เกี่ยวสัมพันธ์ 2 ชาติ เผยปลัด กต. ใช้เวทีสิงคโปร์แจงต่างชาติ รับมี 39 ชาติประกาศท่าทีตอบโต้ไทย ก่อนสอนให้มองภาพรวมให้คำนึงถึงประโยชน์ระยะยาว ยัน คสช. ผ่อนปรนบ้างแล้ว ลั่นไม่พอใจออสเตรเลีย แบน “ประยุทธ์” ไล่นำข้อมูลไปทบทวนท่าทีใหม่
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการเรียก นายปสันต์ เทพรักษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน กลับประเทศไทย ว่า ในขณะนี้ นายณัฐวัฒน์ กฤษณามระ อัครราชทูตไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถและเชื่อมือได้ จะปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายปสันต์ ไปก่อน และยืนยันว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ก็ยังดำเนินงานไปเป็นปกติ โดยระหว่างนี้จะยังไม่มีการพิจารณาผู้ที่ไปทำหน้าที่แทน เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูกาลปรับเปลี่ยนตำแหน่งข้าราชการ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันเหตุผลการเรียกตัวนายปสันต์ กลับประเทศครั้งนี้ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสม และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย - อังกฤษ แต่อย่างใด
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทยต่อต่างชาติ ว่า ล่าสุด นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะ ประกอบด้วย รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรองปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมแชงกรีลา ไดอะล็อก ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเวทีดังกล่าวเป็นการหารือเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมี 28 ประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ไทยได้ใช้เวทีดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยได้ชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งอธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน และได้พูดถึงความจำเป็นที่ คณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ เนื่องจากตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์มีแนวโน้มเกิดความรุนแรง
นายเสข ระบุว่า ขณะเดียวกัน มีรัฐบาลจาก 39 ประเทศ ได้ประกาศท่าทีและมีมาตรการตอบโต้ ซึ่งเข้าใจว่าหลายประเทศได้แสดงความเป็นห่วง ขอให้ไทยกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง และขอให้ไทยกลับเข้าสู่หลักประชาธิปไตย ซึ่งเราเข้าใจว่ารัฐบาลของเขาแสดงท่าทีเพราะยึดเรื่องหลักการ โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ควรต้องมองในภาพรวม และท่าทีต่างๆ ควรมีความพอดีและคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาว เพราะไทยเป็นมิตรประเทศยาวนาน มีผลประโยชน์และความร่วมมือหลากหลาย จึงอยากให้มองภาพรวม ก่อนที่จะพิจารณาท่าทีของเขาต่อประเทศไทย ที่สำคัญขณะนี้ ทาง คสช. ได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เช่น การเลื่อนเวลาประกาศใช้เคอร์ฟิว และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นจำนวนมากแล้ว และอีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้แถลงโรดแมปการทำงาน 3 ขั้นแล้ว ซึ่งถือเป็นพัฒนาการตามลำดับ
นายเสข กล่าวว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เยอรมนี โดยไทยได้แสดงความไม่พอใจกับท่าทีของออสเตรเลียที่ได้มีการประกาศลดการมีปฏิสัมพันธ์กับกองทัพไทย และพิจารณาไม่ให้ผู้นำเหล่าทัพเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียออกมาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมกันนี้ ได้อธิบายขั้นตอนภายใต้โรดแมปให้ฟัง ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้น เพื่อให้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาเพื่อทบทวนท่าที รวมถึงมาตรการตอบโต้ต่างๆ ที่มีกับไทย เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ชัดเจนว่าเรามีขั้นตอนนำไปสู่การปรองดอง สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยการปฏิรูป ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งและกลับสู่ประชาธิปไตยในที่สุด
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีการเรียก นายปสันต์ เทพรักษ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน กลับประเทศไทย ว่า ในขณะนี้ นายณัฐวัฒน์ กฤษณามระ อัครราชทูตไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถและเชื่อมือได้ จะปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายปสันต์ ไปก่อน และยืนยันว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ก็ยังดำเนินงานไปเป็นปกติ โดยระหว่างนี้จะยังไม่มีการพิจารณาผู้ที่ไปทำหน้าที่แทน เนื่องจากยังไม่ถึงฤดูกาลปรับเปลี่ยนตำแหน่งข้าราชการ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันเหตุผลการเรียกตัวนายปสันต์ กลับประเทศครั้งนี้ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสม และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย - อังกฤษ แต่อย่างใด
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทยต่อต่างชาติ ว่า ล่าสุด นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะ ประกอบด้วย รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรองปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมแชงกรีลา ไดอะล็อก ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเวทีดังกล่าวเป็นการหารือเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมี 28 ประเทศจากทั่วโลกเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ไทยได้ใช้เวทีดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยได้ชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งอธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน และได้พูดถึงความจำเป็นที่ คณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ เนื่องจากตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์มีแนวโน้มเกิดความรุนแรง
นายเสข ระบุว่า ขณะเดียวกัน มีรัฐบาลจาก 39 ประเทศ ได้ประกาศท่าทีและมีมาตรการตอบโต้ ซึ่งเข้าใจว่าหลายประเทศได้แสดงความเป็นห่วง ขอให้ไทยกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง และขอให้ไทยกลับเข้าสู่หลักประชาธิปไตย ซึ่งเราเข้าใจว่ารัฐบาลของเขาแสดงท่าทีเพราะยึดเรื่องหลักการ โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ควรต้องมองในภาพรวม และท่าทีต่างๆ ควรมีความพอดีและคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาว เพราะไทยเป็นมิตรประเทศยาวนาน มีผลประโยชน์และความร่วมมือหลากหลาย จึงอยากให้มองภาพรวม ก่อนที่จะพิจารณาท่าทีของเขาต่อประเทศไทย ที่สำคัญขณะนี้ ทาง คสช. ได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เช่น การเลื่อนเวลาประกาศใช้เคอร์ฟิว และปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นจำนวนมากแล้ว และอีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ได้แถลงโรดแมปการทำงาน 3 ขั้นแล้ว ซึ่งถือเป็นพัฒนาการตามลำดับ
นายเสข กล่าวว่า ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เยอรมนี โดยไทยได้แสดงความไม่พอใจกับท่าทีของออสเตรเลียที่ได้มีการประกาศลดการมีปฏิสัมพันธ์กับกองทัพไทย และพิจารณาไม่ให้ผู้นำเหล่าทัพเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียออกมาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมกันนี้ ได้อธิบายขั้นตอนภายใต้โรดแมปให้ฟัง ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีขึ้น เพื่อให้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณาเพื่อทบทวนท่าที รวมถึงมาตรการตอบโต้ต่างๆ ที่มีกับไทย เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ชัดเจนว่าเรามีขั้นตอนนำไปสู่การปรองดอง สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยการปฏิรูป ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งและกลับสู่ประชาธิปไตยในที่สุด