xs
xsm
sm
md
lg

นานาชาติร้องกองทัพไทย “คืน” อำนาจปกครอง – บ.ญี่ปุ่นบ่นอุบ – ชาติเอเชียเตือนพลเมือง “งด” เที่ยวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี – บรรดาชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนธุรกิจรายสำคัญวันนี้ (23 พ.ค.) ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์รัฐประหารในไทย พร้อมทั้งเรียกร้องให้กองทัพไทยคืนอำนาจการปกครองแก่พลเรือนโดยเร็ว ขณะที่บางส่วนออกโรงเตือนไม่ให้พลเมืองของตนเดินทางมายังประเทศยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวแห่งนี้

กิจการยนตกรรมชั้นนำของญี่ปุ่น ซึ่งทุ่มเงินลงทุนในไทยอย่างมหาศาลจำต้องระงับการดำเนินการในโรงงานในช่วงเวลากลางคืน เพื่อปฏิบัติตามประกาศเคอร์ฟิวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่เข้าควบคุมอำนาจการปกครองวานนี้ (22) โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่สหรัฐฯ กล่าวประณามว่า “ไร้ความชอบธรรม”

ญี่ปุ่น ซึ่งทุ่มเงินลงทุนในไทยมากกว่าชาติอื่นกล่าวว่า การทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่ “น่าเศร้าใจ”

โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแดนอาทิตย์อุทัยกล่าวว่า “ประเทศของเราขอเรียกร้องอย่างจริงจัง ให้ไทยกลับคืนสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย”

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่ง “โตโยต้า” ซึ่งสามารถผลิตรถยนต์ในไทยได้ถึง 670,000 คันต่อปี แถลงว่าการประกาศเคอร์ฟิวทำให้กิจการต้องระงับการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ทั้ง 3 แห่งในประเทศไทย

โฆษกของฮอนด้ามอเตอร์กล่าวว่า วานนี้ (22) ทางบริษัทได้ลดช่วงเวลาปฏิบัติงานที่โรงงาน ด้วยการสั่งปิดโรงงาน 4 ชั่วโมง ก่อนกำหนดเดิมในเวลาเที่ยงคืน

กระนั้น โตโยต้าแถลงว่า วันนี้ (23) คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้อนุญาตให้บริษัทสามารถปฏิบัติงานกะกลางคืนได้ตามปกติ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กำลังทบทวนความร่วมมือระหว่างกองทัพสหรัฐฯ กับชาติเอเชียซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดอย่างไทย ขณะที่ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเตือนว่า การทำรัฐประหารอาจก่อให้เกิดผลร้ายตามมา

เขากล่าวว่า “แม้ว่าเราจะให้ความสำคัญกับมิตรภาพที่มีต่อคนไทยมาช้านาน แต่การกระทำเช่นนี้จะส่งผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับไทย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่เรามีกับกองทัพไทย”

ที่กรุงปักกิ่ง หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่า “จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน เราหวังว่าสถานการณ์ในไทยจะกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศหุ้นส่วนการค้าอันดับต้นๆ อีกรายหนึ่งของไทยได้แสดง “ความกังวลอย่างรุนแรง” และเรียกร้องให้ไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว ขณะที่ออสเตรเลียแสดงความ “วิตกกังวลอย่างร้ายแรง” ที่กองทัพไทยเข้ายึดอำนาจ

จูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียกล่าวผ่านสถานีวิทยุเอบีซีว่า “ไทยกำลังเผชิญสถานการณ์อันตราย เรากำลังเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ประชาชนก็ต้องระมัดระวังความปลอดภัยในชีวิต และแผนการเดินทางของตนเอง”

- คาดเดาไม่ได้ และเป็นอันตราย ??? -

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปีที่แล้วไทยสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้เพียง 26.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่แล้วรัฐบาลของแต่ละประเทศเพียงแต่ตักเตือนให้พลเมืองของตนใช้ความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงสถานที่สุ่มเสี่ยง มากกว่าจแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาเที่ยวในไทยอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม หุ้นส่วนด้านการค้ารายสำคัญอย่างมาเลเซีย และฮ่องกงประกาศเตือนให้พลเมืองของตนหลีกเลี่ยงการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยโดยไม่จำเป็น หลังเกิดเหตุชุลมุนทางการเมืองอย่างรุนแรงนานหลายเดือน จนกองทัพจำเป็นต้องออกมาประกาศรัฐประหาร

มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย และเป็นประเทศที่พลเมืองเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยมากเป็นอันดับสองในปีที่แล้ว ด้วยสถิตินักท่องเที่ยว 2.99 ล้านคน ตามหลังนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หลั่งไหลมาไทยถึง 4.7 ล้านคน ได้แนะนำให้พลเมืองของตนงดเว้นการเดินทางมาไทยโดยไม่จำเป็น พร้อมเตือนให้ชาวมาเลเซียในไทยเข้าออกทีพักอาศัยตามประกาศเคอร์ฟิว

ส่วนฮ่องกงได้ยกระดับการเตือนภัยการเดินทางมาไทยขึ้นเป็นระดับสอง โดยสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฮ่องกงแถลงว่า จะยกเลิกกำหนดการเดินทางของคณะนักท่องเที่ยวที่วางแผนมาพักผ่อนในไทยทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 30 พฤษภาคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงทั้งสิ้น 1,300 คน

นอกจากนี้ สิงคโปร์กำลังชั่งใจในประเด็นเดียวกัน โดยกล่าวเตือนว่า สถานการณ์ในไทยมีลักษณะ “คาดเดาไม่ได้ และเป็นอันตราย ทั้งยังอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว”

กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์แถลงว่า “ตอนนี้ชาวสิงคโปร์ควรหันมาพิจารณาแผนเดินทางไปไทยดูอีกครั้ง”

นอกจากนี้ หน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และเฝ้าระวังความปลอดภัยในการเดินทาง “เอสโอเอส” ยังวิงวอนให้บรรดานักธุรกิจหลีกเลี่ยงการเดินทางมาทำธุระในไทยหากไม่จำเป็น พร้อมกล่าวเตือนว่า ควรเลื่อนการประชุมต่างๆ ออกไปเพื่อป้องกัน “เหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น”

ทางด้าน อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า กำลังติดตามสถานการณ์ในไทย “ด้วยความกังวลอย่างรุนแรง” และอาจขอให้สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งไทยเป็นสมาชิกแถวหน้า เข้าแทรกแซง

ทั้งนี้ ตามปกติแล้วอาเซียนไม่นิยมยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศสมาชิก แต่อินโดนีเซียเน้นย้ำว่า กฎบัตรอาเซียน “เน้นย้ำให้ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย และรัฐบาลตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ” ชาติสมาชิกจึงควรเข้าแทรกแซงการทำรัฐประหารในไทย




กำลังโหลดความคิดเห็น