ผ่าประเด็นร้อน
แม้ว่านาทีนี้ยังไม่มีความชัดเจนจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าจะมีการปฏิรูปด้านพลังงานภายในประเทศหรือไม่ หรือถ้ามีการปฏิรูปแล้วจะออกมาแบบไหน อาจเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดกันในตอนนี้ก็ได้ ยังอยู่ในช่วงของการจัดระเบียบ เน้นในเรื่องเร่งด่วนเฉพาะหน้ากันก่อนอยู่ก็ได้
การเข้ามาบริหารบ้านเมืองอาจยังไม่เรียบร้อย ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เนื่องจากยังเป็นช่วงปัจจุบันทันด่วน เข้ามาแบบฉุกละหุก ต้องรอเวลาและความชัดเจนอีกระยะหนึ่งก่อน ไม่เป็นไร
อย่างไรก็ดี ในระหว่างรอนั้น เราก็ได้เห็นปรากฏการณ์อะไรบางอย่างออกมาบ้างแล้ว จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กล่าวต่อบรรดาข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้อง มีการพูดถึงเรื่องการดูแลค่าครองชีพ และอีกหลายเรื่องที่สำคัญ
โดยตอนหนึ่งเขาพูดถึงเรื่องพลังงานว่า “จะดูแลเรื่องราคาพลังงานอย่างเป็นธรรม”
คำพูดดังกล่าวยังไม่มีนำมาขยายความ หรือออกมาเป็นประเด็น เพราะบรรดาสื่อต่างๆ ก็ไม่ได้รายงานออกมาให้ได้ยิน แต่เมื่อตอนเที่ยงวันที่ 29 พฤษภาคม ที่มีรายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย มีการปล่อยเสียงคำพูดตอนหนึ่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล่าวถึงเรื่อง “พลังงาน” ออกมา โดยเฉพาะเรื่อง “การดูแลราคาพลังงานอย่างเป็นธรรม” ทำให้หูผึ่งขึ้นมาทันทีว่าและคิดว่าวันข้างหน้า คสช.จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปในทิศทางไหน แต่สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นก็คือจะต้องมีการแก้ไขจัดการแน่ เพียงแต่จะถึงขั้นปฏิรูปกันทั้งระบบหรือไม่นั้นต้องรอดูกันต่อไป
แน่นอนว่าการปฏิรูปพลังงานของประเทศเป็นความหวังของประชาชนทุกคน เพราะรับรู้ว่าการใช้พลังงานและราคาพลังงานนั้นไม่เป็นธรรม ในฐานะที่เป็นคนไทยและเป็นเจ้าของพลังงาน แต่กลับต้องบริโภคในราคาที่แพงกว่าหลายประเทศอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เป็นพลังงานภายในประเทศแท้ๆ
ที่สำคัญที่สุด ผลจากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอย่าง ปตท.กลับทำให้ต้องแบ่งผลกำไรไปให้เอกชนที่เข้ามาถือหุ้นถึงร้อยละ 49 อ้างความเป็นสมบัติของชาติในการดำเนินธุรกิจ แต่กลับแบ่งผลกำไรไปให้นายทุน นักการเมืองที่เข้าฉ้อฉลซื้อหุ้นราคาถูก กอบโกยผลประโยชน์
ดังนั้น เป้าหมายที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต้องการสลายสีเสื้อของคนในชาติ เพื่อความสามัคคีอย่างได้ผลและยั่งยืนได้อีกทางหนึ่งก็คือ ใช้ความกล้าหาญปฏิรูปโครงสร้างระบบพลังงานอย่างขนานใหญ่ นั่นแหละน่าจะได้ผลเป็นรูปธรรมชัดกว่าไปทำเรื่องอื่น บางเรื่องถูกมองว่าไม่ต่างจากการโฆษณาชวนเชื่อซึ่งล้าสมัย เนื่องจากชาวบ้านยุคใหม่เขารับรู้ข้อมูลไปไกล และเปลี่ยนวิธีการรับรู้ใหม่แล้ว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด แค่ข่าวว่ามีการบล็อกเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม แค่ 30 นาทีทำเอาร้อนฉ่าสถานการณ์เกือบพลิกผัน เรื่องพลังงานนี่แหละได้ใจที่สุด
อย่างไรก็ดี น่าจับตาก็คือการเรียกประชุมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในวันที่ 31 พฤษภาคม โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ หลังจากนั้นก็คงได้เห็นแนวทางและเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้น
เชื่อเถอะเรื่องพลังงานนี่แหละเป็นอีกหัวใจสำคัญในการปฏิรูปประเทศ อย่าทำให้ผิดหวังเป็นอันขาด!!