คณะรักษาความสงบแห่งชาติ แถลงจับอาวุธสงครามร้ายแรง พร้อม 21 คนร้ายเตรียมก่อเหตุ ได้ในโรงแรมดัง จ.ขอนแก่น สารภาพแกนนำแดงสั่งก่อเหตุ ระบุเชื่อมโยงการจับอาวุธ ทั้งที่นครนายก หลังเวที นปช. รวมทั้ง ลพบุรี และสมุทรสาคร ลั่นดำเนินการขั้นเด็ดขาด เตือนพวกดื้อให้มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ภายในวันนี้ เจอคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่น เผยอนุญาตให้ ฟรีทีวี ทีวีดิจิตอล ออกอากาศรายการปกติได้แล้ว แต่ต้องไม่บิดเบือน สร้างความรุนแรง
พ.อ.วินธัย สุวารี พร้อมด้วย พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง และ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ร่วมกันแถลงข่าวการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าที่ประชุมได้หารือใน 4 ประเด็น คือ 1. การบังคับใช้กฎหมาย 2. การติดตามผู้ที่ยังไม่ได้มารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช. 3. อาวุธสงคราม และ 4. การประชุมผู้บริหารทีวีดิจิตอล
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ติดตามเรื่องคำสั่ง อาวุธสงคราม ที่ยังพบอยู่จำนวนมาก และขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด หลังจากมีการจับกุมอาวุธสงครามได้ที่ จ.นครนายก หลังเวทีชุมนุม นปช. และเชื่อมโยงไปถึง จ.ลพบุรี และเชื่อมต่อไปยัง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะพบอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดจำนวนมาก รวมทั้งที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งทุกคดีนี้มีความเชื่อมโยงกัน
โดยที่ จ.ขอนแก่น ล่าสุด เป็นการจับกุมอาวุธสงครามที่จะก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่โดยทหารเข้าตรวจพบที่โรงแรมชลพฤกษ์ อ.เมือง จ. ขอนแก่น พบอุปกรณ์เตรียมที่จะก่อเหตุ ทั้ง ระเบิด ถังแก๊ส โดยสามารถจับกุม ได้ 21 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากกว่าทุกครั้ง โดย นายมีชัย ม่วงมนตรี แกนนำกองทัพปราบกบฏ และ นายประทิน จันทร์เกตุ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้รับคำสั่งจากแกนนำ นปช. ให้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อเป็นขอนแก่นโมเดล
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การดำเนินการต่อผู้ที่กระทำผิดในเรื่องอาวุธสงครามนั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเต็มขีดความสามารถ และจะต้องให้ปัญหาตรงนี้หมดไปโดยเร็วที่สุด และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมอย่างเด็ดขาด ภายใต้กฎหมายที่ถืออยู่ในปัจจุบัน จะเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดได้สะดวกกว่ากฎหมายปกติ ฉะนั้นอยากจะวิงวอนว่าผู้ที่ยังคิดไม่ดี หรือไม่เชื่อในคำสั่งประกาศของ คสช. อาจจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง
สำหรับการติดตามผู้ที่ยังไม่มารายงานตัวตามประกาศคำสั่งนั้น คสช.ได้ออกประกาศฉบับที่ 25/2557 เรื่องให้มารายงานตัวหรือเหตุขัดข้อง เนื่องจากยังมีบุคคลที่ยังไม่ได้มารายงานตัวจำนวนหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้เกิดการรักษาความสงบเรียบร้อย ขอให้บุคคลดังกล่าวมารายงานตัวภายในวันที่ 24 พ.ค. ในเวลา 16.00 น. หลังจากนี้ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินการในด้านกฎหมาย คือมีโทษในเรื่องการจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนใครมีภารกิจเร่งด่วนจะต้องแจ้งเหตุขัดข้องมายัง คสช. ภายในเวลากำหนด นอกจากนี้ คสช. จะประกาศคำสั่งเพิ่มเติมอีก 35 ท่านให้มารายงานตัวในวันนี้ ตั้งแต่ในเวลา 13.30 น.
“ผู้ที่ยังไม่ได้มารายงานตัว ขอให้มาวันนี้ ไม่เช่นนั้นจะติดตามเข้าสู่กระบวนการต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการเข้มข้นมากกว่านี้”
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า วันนี้ คสช. ได้เชิญผู้ประกอบการทีวีมารับแนวทางหารือ โดยได้ข้อสรุปว่า คสช. จะอนุญาตให้มีการเปิดสัญญาณของฟรีทีวี ระบบดิจิตอล และดาวเทียม ในวันนี้ ส่วนสถานีที่ คสช.หรือ กอ.รส. ที่มีคำสั่งให้งด 14 สถานี ยังคงไว้ ในส่วนของวิทยุนั้น คสช. เปิดให้ถ่ายทอดสัญญาณตามปกติ ส่วนวิทยุชุมชน คงระงับการกระจายเสียงไว้ก่อน
“ทุกสื่อไม่ว่าจะทีวี หรือ วิทยุ ที่อนุญาตให้ตามปกตินั้นจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ และข้อตกลงที่ให้ไว้กับ คสช. จะต้องไม่มีข้อมูลบิดเบือน ไม่สร้างความรุนแรง เมื่อ คสช. มีความจำเป็นถ่ายทอดรวมการเฉพาะกิจ เพื่อแจ้งให้ประชาชนให้ได้รับทราบ จะต้องเกาะสัญญาณตามร้องขอ ทั้งนี้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตระหนักดีถึงสิทธิเสรีของประชาชนในการรับรู้ข่าวสาร และจะพยายามดำเนินการทุกอย่างให้คลี่คลายเพื่อให้เข้าสู่ระบบปกติ รวมถึงการพิจารณาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
ส่วนที่ คสช. เชิญหัวหน้าส่วนราชการมาร่วมรับฟังคำชี้แจงถึงโครงสร้างการบริหารงาน ใน 6 ฝ่าย และ 1 กองกำลังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย โดย 6 ฝ่ายจะมีการประชุมหารือกัน โดยหัวหน้าแต่ละฝ่ายจะเป็นผู้ที่ดูแลการประชุม โดยประชุมเร่งด่วนที่แต่ละฝ่ายจะต้องเร่งรีบผลักดัน โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนของประชาน ส่วนรายละเอียดแต่ละฝ่ายจะชี้แจงให้สื่อได้รับทราบอีก