ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ทภ.2 รวบแกนนำม็อบอีสานควบคุมตัวในเขตทหารจำนวนมาก รวมทั้ง “แรมโบ้อีสาน-ขวัญชัย” ด้าน เสธ. ทภ.2 เผยจับอาวุธสงครามขอนแก่นเป็นแผน “ขอนแก่นโมเดล” เตรียมก่อเหตุร้ายเมืองใหญ่อีสานหลาย จว. เร่งขยายผลจับเพิ่มคาดมีผู้ร่วมขบวนการอีกมาก พร้อมส่งทหารทลายหมู่บ้านเสื้อแดงทั่วอีสาน และมีเป้าหมายตรวจค้นอีกหลายจุด ขณะหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ตร. ผู้นำท้องถิ่น โคราช แห่รายงานตัวที่ “มทบ.21”
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศรีพัชรินทร์ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสถานศึกษา และนายอำเภอทั้ง 32 อำเภอในจังหวัดนครราชสีมารวมกว่า 160 คน ได้เดินทางมารายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ 21 (มทบ.21) กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา และรับมอบนโยบายการปฏิบัติ หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ โดยมี พล.ต.วุฒิ แสงจักร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 (ผบ.มทบ.21) เป็นประธานชี้แจง
พล.ต.วุฒิ แสงจัก ผบ.มทบ.21 กล่าวว่า มทบ. 21 ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งได้มีการวางกำลังทหารเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยตามจุดสำคัญต่างๆ มากกว่า 1,000 นาย ตั้งด่านตรวจรวม 22 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา 14 จุด ประกอบด้วย ศาลากลางจังหวัด, ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี, สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 ดูแลโดย พัน.ร.มทบ.21
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ตาลคู่), โรงกรองประปาเทศบาลนครนครราชสีมา หลังไอที พลาซ่า, องค์การโทรศัพท์ (ตรงข้ามหอประชุมเปรม ติณสูลานนท์), ห้าแยกหัวรถไฟ, สามแยกนครราชสีมา (บิ๊กซี), สี่แยกประโดก, บายพาสปักธงชัย, แยกจอหอ ดูแลโดยกำลังทหารจาก พล.ร.3
สถานีรถไฟจิระ และสถานีรถไฟนครราชสีมา ดูแลโดย ร้อย.สห.มทบ.21
ส่วนพื้นที่รอบนอก มีการตั้งจุดตรวจร่วมกับกำลังตำรวจและอาสาสมัคร จำนวน 7 จุด ประกอบด้วย แยกบ้านกุดม่วง /พัน.กระสุน 22 บชร.2, บ้านวังทองหลาง /ร้อย.ม. (ลว.3), ด่านตรวจ ป.ป.ส. อ.สีคิ้ว /พันพัฒนา 2, จุดตรวจร่วม อ.เฉลิมพระเกียรติ /ม.พัน.8, สี่แยกอวยชัย อ.ปักธงชัย /พัน.ร.มทบ.21, กลางดง อ.ปากช่อง /ม.พัน.8 และหน้าค่ายปักธงชัย /กรม ทพ.226
“อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของมวลชนและพบการซุกซ่อนอาวุธสงครามในพื้นที่แต่อย่างใด แต่ไม่ประมาทยังคงติดตามหาข่าวความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา” พล.ต.วุฒิกล่าว
ด้าน พล.ต.ประวิทย์ หูแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่มีการประกาศกฎอัยการศึกมาถึงการประกาศเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของ คสช. พบแต่การเคลื่อนไหวในช่วงแรก หลังทำความเข้าใจแล้วได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
สำหรับการเชิญแกนนำมวลชนแต่ละฝ่ายเข้ามาพบนั้น มีทั้งที่ติดต่อมาเองและทางกองทัพเชิญมา โดยเป็นแกนนำที่เป็นตัวหลัก ซึ่งต้องใช้เวลาในการพูดคุยกัน จึงต้องเชิญตัวมาพักในเขตทหารหลายราย เช่น นายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ “แรมโบ้อีสาน” ประธาน อพปช. นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร แกนนำคนเสื้อแดงอีสาน เป็นต้น ซึ่งได้ดูแลอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี ไม่ได้จำกัดสิทธิแต่อย่างใด
ส่วนการจับกุมอาวุธสงครามและผู้ต้องหาเป็นการ์ดเสื้อแดง 22 คน พร้อมยึดรถยนต์ได้กว่า 10 คันที่ จ.ขอนแก่นนั้น จากรายงานเบื้องต้นทราบว่าได้ของกลางเป็นยุทโธปกรณ์หลายชนิด เครื่องมือสื่อสาร และผ้าผูกคอ เสื้อสีแดงที่แสดงฝ่าย ขณะนี้ได้ให้หน่วยทหารในพื้นที่ควบคุมตัวไว้เพื่อซักถามเพื่อให้ได้ความจริง ซึ่งในขั้นต้นน่าจะเป็นการดำเนินการรูปแบบ “ขอนแก่นโมเดล” คือแผนการสร้างความไม่สงบในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในขั้นต้นมุ่งในพื้นที่จังหวัดใหญ่ เช่น จ.ขอนแก่น, อุดรธานี,นครราชสีมา, อุบลราชธานี และ กาฬสินธุ์ เป็นต้น และกลุ่มคนที่ถูกจับได้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งดูได้จากของกลางที่มาใช้ก่อเหตุมีเป็นจำนวนมาก
การก่อเหตุของกลุ่มดังกล่าวคาดว่าจะมีเป้าหมายในการก่อกวนในเขตเมืองเพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะได้สั่งการให้กำลังทหารทุกหน่วยที่ประจำอยู่ในพื้นที่ได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดมากขึ้นในจังหวัดใหญ่ โดยเพิ่มทั้งกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และการหาข่าวเพื่อป้องกันการก่อเหตุร้าย เพราะเราเชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวอยู่อีกมาก ซึ่งเราพยายามจะค้นหาอยู่ ขณะนี้เราก็เฝ้าระวังจุดสำคัญๆ ต่างๆ ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินต่างๆ โดยส่งกำลังทหารเข้าไปคุ้มครองในช่วงที่มีการขนเงิน
พล.ต.ประวิทย์กล่าวต่อว่า ในส่วนของหมู่บ้านเสื้อแดงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากนั้น ขณะนี้หน่วยทหารแต่ละพื้นที่ได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนและนำเอาธงเสื้อแดงและป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงลงทั้งหมดแล้ว พร้อมประสานการปฏิบัติกับแกนนำในพื้นที่ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ส่วนการตรวจค้นจุดสำคัญต่างๆ นั้น ที่ผ่านมาทหารได้เข้าทำการตรวจค้นไปแล้วหลายจุดโดยเฉพาะวิทยุชุมชน รวมถึงตรวจค้นบ้านพักของแกนนำ ผู้ก่อเหตุล่าสุดที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ดด้วย และเรามีเป้าหมายจะเข้าตรวจค้นอีกหลายจุดในพื้นที่ภาคอีสาน
สำหรับในส่วนพื้นที่ตามแนวชายแดนนั้น ยืนยันว่าทุกด่านผ่านแดนยังไม่ปิด ยังคงเปิดทำการตามปกติ แต่มีมาตรการเข้มงวดมากขึ้นเพื่อเฝ้าระวังการป้องกันการเคลื่อนย้าย ขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามา และป้องกันบุคคลที่ต้องห้ามไม่ให้ไปต่างประเทศ ซึ่งจากรายงานล่าสุดยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด พล.ต.ประวิทย์กล่าวในตอนท้าย