โฆษก กอ.รมน.แจงแถลงการณ์ ผบ.ทบ.เป็นการแจ้งเตือนอย่างเป็นขั้นตอนภายใต้กรอบกฎหมาย หากต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก ในสถานการณ์ที่รุนแรง และมีการใช้อาวุธกับประชาชน แต่ขณะนี้ยังคุมอยู่ จี้ ศอ.รส.บังคับใช้กฎหมายทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน ยันกองทัพไม่อยากใช้ยาแรง
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า กอ.รมน.ห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกกลุ่ม และคนที่ทำผิดก็จะต้องดูดำเนินคดี ส่วนกรณีที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ออกแถลงการณ์จะนำทหารออกมาปฏิบัติการเต็มรูปแบบหากสถานการณ์รุนแรงนั้น เป็นการคาดการณ์หากสถานการณ์พัฒนาไปถึงจุดนั้น ส่วนจะเป็นรูปแบบใดก็เป็นไปตามกฎหมายสูงสุดในการรักษาความมั่นคงก็คือ การประกาศกฎหมายอัยการศึก หวังว่าเหตุการณ์จะไม่พัฒนาไปถึงจุดนั้น
พ.อ.บรรพตกล่าวต่อว่า ส่วนผู้ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎอัยการศึกที่ระบุไว้ใน มาตรา 4 และ 7 ถึงขอบเขตการบังคับใช้คือผู้บังคับหน่วยขึ้นไป โดยสามารถประกาศใช้ 2 กรณี คือ จากฝ่ายบริหาร คือรัฐบาล และจากฝ่ายทหารหากเกิดจลาจล โดยกำหนดพื้นที่ ระยะเวลา และเมื่อประกาศแล้วต้องรายงานตามสายการบังคับบัญชา ส่วนการยกเลิกก็จะต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่ ผบ.ทบ.ได้แถลงการณ์ไปเมื่อวาน ถือเป็นการแจ้งเตือนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนภายใต้กรอบของกฎหมาย และไม่ได้เป็นการชี้นำอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนความจำเป็นในการประกาศกฎอัยการศึก จะต้องมีการใช้อาวุธสงครามเป็นจำนวนมากและเป็นไปอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ จนทำให้ประชาชนบาดเจ็บเสียชีวิต
ทั้งนี้ หากมีการประกาศใช้ทหารจะมีอำนาจเหนือกว่าข้าราชการพลเรือน สามารถให้หน่วยงานอื่นๆ ปฏิบัติตามได้ แต่ประเมินสถานการณ์ขณะนี้แล้วยังไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแค่ พ.ร.บ.ความมั่นคง ถือว่าเพียงพอแล้ว ทั้งในเรื่องของอัตรากำลังพล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ.ได้มีการวางแผนในการดูแลสถานการณ์ในช่วง 2-3 วันนี้อย่างไร พ.อ.บรรพตกล่าวว่า ทาง ศอ.รส.เป็นผู้ดำเนินการ สิ่งที่ กอ.รมน.กังวลคือการใช้อาวุธสงครามว่าจะแพร่หลายหรือไม่ โดย กอ.รมน.จะเร่งรัดให้ ศอ.รส.บังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่มทุกฝ่าย อาทิ กรวยที่เป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ รวมถึงการขับรถฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่ที่หอประชุมกองทัพอากาศ ซึ่งภาพเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจในการปฏิบัติงานรวมถึงประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อนด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีกลุ่มคนพยายามลอบทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมในยามวิกาลก็มีอยู่จริง ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ ศอ.รส.ต้องแก้ไข และเข้าไปบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้สังคมเกิดความเท่าเทียมกัน
ส่วนหากสถานการณ์รุนแรงเกินกว่ากฎอัยการศึกจะนำไปสู่การรัฐประหารเลยหรือไม่ พ.อ.บรรพตกล่าวว่า กฎอัยการศึกถือเป็นยาแรง และไม่เกี่ยวกับการรัฐประหาร อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการดำเนินการของ ผบ.ทบ.อยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช.ออกมาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น พ.อ.บรรพตกล่าวว่า มีช่องทางและความชอบธรรมหรือไม่ ทุกกลุ่มจะยอมรับหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้คือคำตอบ