“นิวัฒน์ธำรง” แอบบินเชียงรายตรวจเยี่ยมประชาชนประสบเหตุแผ่นดินไหว หวั่นไม่ปลอดภัย “ชัชชาติ” ขวางตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ ยันยังเดินหน้าทำงานตราบที่ได้รับเงินเดือน เย้ยกลัวแพ้เลือกตั้งเลยพยายามตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้นมา งงจะทำได้ดีกว่ารัฐบาลที่มีอยู่อย่างไร ส่วนความเสียหายจากแผ่นดินไหวซ่อมเสร็จใน 2 เดือน ใช้งบฯ 100 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (16 พ.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และนายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เดินทางด้วยเครื่องบินตำรวจ จากกองบินตำรวจไปยัง จ.เชียงใหม่ เพื่อรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ความคืบหน้าช่วยเหลือและตรวจเยี่ยมประชาชน ที่ประสบปัญหาจากเหตุแผ่นดินไหว จ.เชียงราย ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ก่อนลงพื้นที่ตรวจสภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน และตรวจความคืบหน้าในการซ่อมถนนที่เสียหาย โดยมกำหนดเดินทางไปยังวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย ที่ได้รับความเสียหายอย่างมากจากแผ่นดินไหวครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตามกำหนดการ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี จะเดินทางร่วมกับคณะไปด้วย แต่ทราบว่านายนิวัฒน์ธำรงได้เดินทางไป จ.เชียงรายอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อความเป็นปลอดภัย เนื่องจากหากเดินทางไปอย่างเปิดเผยอาจมีผู้ชุมนุมเข้ามาขัดขวาง
นายชัชชาติกล่าวถึงแนวทางการตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจว่า ปัญหาการเมืองเวลานี้ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไร รู้สึกสบายใจมากเลย ตอนนี้ก็คงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าให้ออกก็ออก แต่ตอนนี้ยังรับเงินเดือนอยู่จะให้ออกได้อย่างไร ปัญหาขณะนี้ยอมรับว่าหลายอย่างมันเจ๊งแน่ เพราะไม่สามารถจะทำงบประมาณได้ หรือการผลักดันโครงการต่างๆ ไม่สามารถทำได้ และยังมีงบประมาณอีก 6 แสนล้านบาท ของกระทรวงคมนาคมต้องชะลอไป กระทบต่อการพัฒนาประเทศ
“ผมก็ไม่เข้าใจ รัฐบาลรักษาการบอกว่าไม่มีอำนาจทำ แต่สมมติว่ามีรัฐบาลมาตรา 7 ได้ จะมีอำนาจได้มากกว่ารัฐบาลปัจจุบันได้อย่างไร เพราะรัฐบาลที่มาจากมาตรา 7 หรือรัฐบาลเฉพาะกิจเข้ามาก็ต้องมาดูการเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่าเป็นนายกฯ จากคนกลาง จะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจหรือทำอะไรได้ทุกอย่าง ก็ยังงงที่บอกว่าตั้งรัฐบาลคนกลางแล้วแก้ปัญหาได้ อำนาจก็ไม่ได้เพิ่ม แล้วจะทำได้ดีกว่ารัฐบาลได้อย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเฉพาะกิจแค่เข้ามาแก้ปัญหาม็อบใช่หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ใช่ รัฐบาลคนกลางมาจะสามารถอนุมัติโครงการ 4 แสนล้านบาทได้หรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลเฉพาะกิจไม่มีอำนาจ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้อยู่แค่ 2 เดือนเพื่อจัดการเลือกตั้ง ซึ่งตนไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพยายามหาทางออกด้วยการตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ ไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือคิดว่าเลือกตั้งไปก็แพ้ ตนเห็นว่าการเลือกตั้งอาจจะไม่ได้คนดีที่สุด แต่จะเป็นวิธีลดความขัดแย้งได้ดีที่สุด
ส่วนประเมินอย่างไรกับการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ขีดเส้นตายวุฒิสภา เรื่องนายกฯ มาตรา 7 ในวันที่ 16-19 พ.ค. นายชัชชาติตอบว่า อยากดูเหมือนกันว่าใครจะเป็นคนนำรายชื่อนายกฯ คนกลางขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนที่อาจจะมีการชุมนุมปิดเส้นทางคมนาคม ไม่ได้ห่วง มีบทเรียนมาแล้ว รัฐบาลไม่ได้เดือดร้อน แต่คนเดือดร้อนคือประชาชน ตอนนี้ประชาชนเบื่อเต็มทนแล้ว ม็อบก็ไม่ใช่จะมีเป็นแสนคน ตอนนี้รัฐบาลก็ยุบสภาแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ไปแล้ว ควรเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้พยายามที่จะเอารัฐบาลเฉพาะกิจให้ได้ นายชัชชาติกล่าวว่า ก็ต้องถามว่ารัฐบาลเฉพาะกิจ เอาอำนาจมาจากไหน ซึ่งถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการปฏิวัติ เพราะหลักการคือต้องไปล้มรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับตนได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้วว่าจะปกป้องรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะไปคิดนอกกรอบไม่ได้ รัฐบาลต้องรักษารัฐธรรมนูญ แต่ถ้าจะนอกกรอบก็เป็นหน้าที่คนอื่นไป ใครจะทำก็ได้ เมื่อถามว่า ถ้าในวันที่ 19 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการ ทบ.จะไปรายงานตัวต่อนายสุเทพ นายชัชชาติกล่าวว่า เรื่องของเขา ไปรับผิดชอบกันเอง
นายชัชชาติยังกล่าวถึงสถานการณ์ความเสียหายทางด้านคมนาคมหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ภาคเหนือว่า จุดหลักที่เสียหายคือ เส้นทาง 118 เชียงใหม่-เชียงราย ที่กิโลเมตร 151 ซึ่งทางคมนาคมไม่ได้มีการปิดเส้นทางเพราะได้ทำทางเบี่ยงในจุดที่ไม่มีการสไลด์ให้รถวิ่งปกติ ส่วนจุดที่สไลด์ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว จากนั้นจะทำการเปลี่ยนแปลงเส้นทางประมาณ 300 เมตรจากจุดที่เสียหาย โดยคาดว่าอีก 2 เดือนจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้สถานการณ์ตอนนี้ยังมีอาฟเตอร์ช็อกซึ่งทำให้เกิดรอยร้าวในบ้างจุดในเส้น 118 จะมีในกิโลเมตรที่ 141 ที่มีรอยแตกร้าวเดิมอยู่ซึ่งที่กรมทางหลวงยังไม่มีการซ่อมแซมอย่างถาวรจึงมีรอยร้าวมากขึ้นทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังตลอด ในขณะที่มีสะพานลอยคนข้าม และสะพานที่ต้องยกลงมี 2 จุด ซึ่งกรมทางหลวงได้เฝ้าระวังสะพานทั้ง 218 ตัวในเขตรัศมี 50 กิโลเมตร
ทั้งหมดนี้ภายใน 2 เดือนน่าจะจัดการซ่อมแซมได้อย่างถาวรโดยใช้งบประมาณไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งต้องงบของกรมทางหลวง และถ้าไม่พออาจต้องใช้งบกลางซึ่งจะต้องมีการขอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกครั้งหนึ่ง ส่วนท่าอากาศยานยังเปิดใช้บริการตามปกติ ส่วนความเสียหายที่วัดร่องขุ่นนั้นการไปตรวจสอบเพื่อให้กำลังใจ เพราะทางวัดไม่ต้องการอะไร ความเสียหายสามารถซ่อมได้ ในอนาคตต้องปรับโครงสร้างให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การป้องกันแผ่นดินไหวในอนาคตได้มีการวางแผนในการออกแบบอาคารสถานที่ต่างๆ เพื่อรองรับความเสียหายตามกฎหมาย
นายชัชชาติกล่าวถึงเส้นทางรถไฟสายใต้ที่ได้รับความเสียหายจากระเบิดว่า เรื่องรถไฟมีระเบิด 2 แห่ง ได้มอบให้ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดูเนื่องจากมีความรุนแรงซึ่งได้มีการตัดเส้นทางรถไฟก่อนถึง จ.นราธิวาส ประมาณ 40 กิโลเมตรก่อนถึงเขตชายแดน ทั้งนี้การจะเข้าไปซ่อมแซมต้องรอให้ฝ่ายความมั่นคงยืนยันความปลอดภัย ในขณะที่การบรรเทาความเดือดร้อนได้มีการจัดรถเมล์เพิ่มเติมเสริมเข้าไปแทนแล้ว