เชียงราย - โรงเรียนเขตแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เขย่าเชียงราย ต้องเลื่อนเปิดเทอมไม่น้อยกว่า 8 แห่งหลังอาคารเสียหายหนัก ด้านกรมทางหลวงเริ่มเดินเครื่องซ่อมถนนเชียงราย-เชียงใหม่ ขณะที่อาฟเตอร์ช็อกยังเกิดไม่หยุด
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เย็นวันที่ 5 พ.ค. 57 วัดความแรงได้ถึง 6.3 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่ที่ ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บ้านเรือนทรัพย์สินชาวบ้าน ตลอดจนสถานที่ราชการต่างๆ เสียหายเป็นอย่างมากนั้น จนถึงวันนี้ก็ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเมื่อใกล้เข้าสู่จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวตรงละติจูด 19.685 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.687 องศาตะวันออก พื้นที่ ต.ทรายขาว อ.พาน ซึ่งเกิดอาฟเตอร์ช็อกแรงที่สุดในเวลา 01.37 น. วัดความแรงตามมาตราวัดริกเตอร์ 4 ริกเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ที่ อ.พาน และในเวลา 11.58 น. พบว่าเกิดขึ้นอีก ความแรง 3.5 ริกเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ที่ อ.พานเช่นกัน
นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างเคร่งเครียด เนื่องจากเมื่อผ่านพ้นมาได้หลายวันได้มีการสรุปข้อมูล และเริ่มนำไปสู่การปฏิบัติการในพื้นที่ประสบเหตุทั้ง 7 อำเภอ 45 ตำบล 519 หมู่บ้าน โดยได้ระดมกำลังทุกฝ่ายเข้าช่วยเหลือบ้านเรือนที่เสียหายจำนวน 18,488 หลังคาเรือน
ซึ่งได้มีการรายงานในที่ประชุมครั้งนี้ด้วยว่าอาคารโรงเรียนในจังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก 8 โรงเรียนนั้น จะต้องเลื่อนกำหนดการเปิดเทอมออกไปก่อน จากเดิมที่จะเปิดเทอมในช่วงกลางเดือนนี้
โดยเฉพาะโรงเรียนองค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว (บ้านท่าฮ่อ) ต.ทรายขาว อ.พาน เป็น 1 ใน 8 โรงเรียนที่เสียหายหนักจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ และเป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่สุด ที่อยู่ห่างจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่เป็นทุ่งนาประมาณ 600 เมตร ซึ่งพบว่า อาคารเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา สูง 4 ชั้น 12 ห้องเรียน มีรอยแตกตัดขวางบริเวณเสาตลอดแนวขนานสูงจากพื้นที่ดินประมาณ 3 เมตร ทำให้ทางโรงเรียนห้ามไม่ให้ใช้อาคาร รวมทั้งอาคารอนุบาลชั้นเดียวของโรงเรียนก็เสียหายหนักเช่นกัน
นายธีระวัฒน์ นามสุข รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนฯ กล่าวว่า เดิมทางโรงเรียนมีกำหนดเปิดภาคเรียนวันที่ 12 พ.ค.นี้ แต่เมื่ออาคาร ซึ่งตามปกติจะมีนักเรียนเข้าเรียนประมาณ 200 คน เสียหายหนักก็ต้องหยุดทำการเรียนการสอนไปโดยปริยาย
สำหรับการแก้ไขปัญหาคือเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไป และพยายามขอรับการสนับสนุนเพื่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราวเพื่อจะได้สอนทดแทน ส่วนอาคารถาวรนั้นทางทีมวิศวกรของจังหวัดฯ ได้เข้าตรวจสอบแล้ว แนะนำให้ช่างท้องถิ่นกะเทาะเปลือกผิวนอกออกเพื่อตรวจดูชั้นโครงสร้างภายใน นำมาพิจารณาว่าจะต้องสร้างใหม่ หรือซ่อมแซม
วันเดียวกัน นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง ได้เดินทางไปตรวจสอบความเสียหายถนนสาย อ.แม่สรวย-อ.เวียงป่าเป้า บ้านห้วยส้าน ม.13 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว พร้อมอำนวยการซ่อมแซมด้วยการทำทางเบี่ยงขาขึ้นฝั่งซ้ายโดยลงยางมะตอย เพื่อให้ใช้ได้ชั่วคราว
ส่วนฝั่งขวามีการถมดินเพื่อให้มีระดับความสูงใกล้เคียงกับผิวจราจรเดิมเพื่อจะทำทางเบี่ยงเช่นกัน จากนั้นจะมีการพิจารณาก่อสร้างถนนใหม่เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ตามเดิม
นายชัชวาลย์กล่าวว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทำให้ถนนสายนี้เสียหายหนัก 2 จุด คือ หลักกิโลเมตรที่ 141 และ 151 โดยจุดที่ 151 เสียหายมากที่สุด กรมทางหลวงจึงได้ทำทางเบี่ยงเอาไว้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนก่อน จากนั้นพิจารณาอีกครั้งว่าจะทำถนนจุดเดิม หรือปรับไปด้านข้าง ซึ่งเป็นป่าไม้ เพราะจุดเดิมเสียหายหนัก ยังไม่แน่ใจว่าใต้ดินเป็นโพลงมากน้อยเพียงใด ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจก่อน
จากนั้นภายใน 2-3 เดือนจึงทำการก่อสร้าง โดยใช้งบประมาณของกรมทางหลวงเป็นหลักก่อนจำนวน 30 ล้านบาท ทำการซ่อมแซมทั้ง 2 จุด
นอกจากนี้ยังมีความเสียหายที่เกิดกับสะพานรถอีก 4 แห่ง และสะพานคน 1 แห่ง รวม 5 แห่ง ต้องใช้งบประมาณอีกประมาณ 80 ล้านบาท รวมทั้งหมดประมาณ 110 ล้านบาท
“แต่เรายังคงให้ทุกพื้นที่ได้ไปตรวจสอบสะพานที่เหลือว่ามีความเสียหายที่ยังไม่ตรวจพบหรือเกิดขึ้นภายหลังหรือไม่ด้วย”