หน.ปชป.ยันตั้งใจร่วมประชุม กกต. แต่มีข้อมูลป่วนจึงยกเลิก ชี้มีสื่อบิดเบือนเบี้ยวนัด เหตุมองปองร้ายเรื่องปกติ รับผลถกไม่ได้เหนือที่คาดอยากเลือกตั้งเร็วๆ ย้อนแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าจะเรียบร้อย ปัดปฏิเสธ ยันต้องช่วยแก้ให้เป็นที่ยอมรับ รับมีโอกาส ปชป.-พท.คุยกัน แต่ไม่เอาความต้องการแค่ 2 พรรค ย้ำรัฐจริงใจคุยกันได้ ต้องมีกรอบให้ชัด จ่อผุดทางแก้ปัญหา รับ ศก.มีปัญหา ถามนายกฯ พร้อมคุยหาทางออกไหม อย่าแถไม่ใช่หัวหน้า
วันนี้ (23 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยืนยันว่าตนและตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจที่จะไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แต่มีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับมีความพยายามที่จะใช้ความรุนแรงในที่ประชุมและไม่มีใครสามารถที่จะยืนยันได้ จึงตัดสินใจปรึกษากับทาง กกต. ซึ่ง กกต.ยอมรับว่ามีข้อจำกัดในการที่จะดูแลความปลอดภัย ตนจึงทำหนังสือชี้แจงไปยัง กกต.ว่าของดการไปร่วมหารือดังกล่าว แต่มีสื่อบางฉบับตีข่าวว่าตนเบี้ยวนัด เพราะมองว่าการที่มีคนปองร้ายตนนั้นเป็นเรื่องปกติ โดยไม่มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการละเมิดหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย และที่สำคัญตนได้ยืนยันในจดหมายว่าพร้อมที่จะร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการหาคำตอบให้กับประเทศ และผลการประชุมก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ตนยืนยันว่าหากจัดการเลือกตั้งได้เรียบร้อย ก็อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่การกำหนดวันตัวเลขสมมติขึ้นมา แล้วบอกว่าถ้าเรียบร้อยก็เร็วกว่านั้นได้
“แต่คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ คือ สิ่งที่จะช่วยกันทำให้มันเรียบร้อยคืออะไร เพราะทาง กกต.ยืนยันแต่เพียงว่าเลือกตั้งคราวนี้ไม่โมฆะเหมือนคราวที่แล้ว คำว่าไม่โมฆะเหมือนคราวที่แล้วนั้นไม่ใช่หมายความว่าจะไม่มีปัญหาเลย เพียงแต่บอกว่าที่เป็นปัญหาบางเรื่องเช่นการเปิดรับสมัคร จะมีวิธีการแก้โดยการเปิดรับสมัครทางไปรษณีย์ หรือทางอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้มีการยืนยันว่าแล้วการเลือกตั้งหลังจากสมัครได้แล้วนี้จะเรียบร้อยหรือไม่อย่างไร ก็คือไม่โมฆะด้วยเหตุผลเหมือนกับคราวที่แล้ว ไม่ใช่ไม่โมฆะเหมือนกับคราวที่แล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้ยังเป็นหน้าที่ทุกพรรคการเมือง รวมทั้งรัฐบาล และกกต.จำเป็นต้องช่วยกันแก้โจทย์ในการที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับและพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะพูดคุยว่าเราจะช่วยทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้ารัฐบาลไม่สนใจโจทย์นี้เลย บอกไม่เกี่ยว ไม่สนใจว่าคนจะไปเลือกตั้งหรือจะมีความวุ่นวายหรือไม่ แต่ก็กำหนดไปอย่างนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคุยอะไรกัน”
นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสคุยกัน เพราะพรรคไม่เคยปิดกั้นในการไปพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น แต่ว่าการที่พรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่จะคุยกันต้องเข้าใจด้วยว่าเรากำลังพยายามที่จะแก้ปัญหาซึ่งมีฝ่ายอื่นๆในสังคมที่เขาจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชน ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายกฎหมาย หรือฝ่ายอื่นๆ ไม่เอาเพียงแต่ความต้องการของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ แล้วไปทึกทักให้คนส่วนใหญ่ของประเทศเดินตามเพราะคนที่เขาสนับสนุน หรือสมาชิกพรรคการเมืองก็มีวิจารณญาณของเขา และกระแสวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของทุกฝ่าย ทุกคนต้องมาช่วยกันแก้ไข
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง และคิดว่าบ้านเมืองต้องกลับไปสู่การเลือกตั้ง แต่มันต้องเป็นการเลือกตั้งที่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนและมีความมั่นใจในกระบวนการการเลือกตั้ง ตนพร้อมที่จะคุยกับทุกคนว่าพรรคจะร่วมมืออย่างไร และมีแนวคิดว่าจะทำอย่างไรในการที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ ส่วนหาก กกต.จะเป็นตัวกลางการคุยระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ก็คงทำในกรอบของการเอาพรรคการเมืองมาคุยกัน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจจะอ้างว่าบังเอิญไม่ใช่หัวหน้าพรรค ก็เลยไม่คุย แต่ยังถืออำนาจในการตัดสินใจในฐานะรัฐบาลอยู่ การพูดคุยกันไปก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่รัฐบาลพร้อมมาคุย กกต.อาจมีความรู้สึกว่าเกินอำนาจเพราะมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง กับการเป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ถ้ารัฐบาลเต็มใจและจริงใจที่จะพูดคุยก็สามารถทำได้
“ผมจะเริ่มนำเสนอแนวความคิดในการที่จะแก้ปัญหา โดยคุยกับฝ่ายต่างๆ เช่น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูป ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการเมือง และอยากจะคุยกับรัฐบาล ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมที่จะให้รัฐบาลเข้ามาสู่กระบวนการพูดคุยนัดหมายได้อยู่แล้ว ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรยังไม่ควรพูดถึง แต่ต้องมีกรอบประเด็นที่จะต้องพูดคุยกันให้ชัดเสียก่อน”
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่าเศรษฐกิจมีปัญหา เพราะไม่มีการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวยอมรับว่าทุกคนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจจริง หากสามารถคลี่คลายปัญหาการเมืองได้เร็ว ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ปัญหาหลักคือความต้องการที่จะเดินเลือกตั้งและปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจล้วนเกิดขึ้นจากเรื่องการทุจริต คอร์รัปชัน จากนโยบายที่ผิดพลาด หากน.ส.ยิ่งลักษณ์คิดว่าการเมืองติดหล่ม เพราะพวกตนและ กปปส.สร้างความเดือดร้อน และอยากที่จะให้มันหลุดพ้นจากสภาพนี้ไปคำถามคือ แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์คิดจะทำอะไร เพราะตนคิดและพยายามนำเสนอทางออก โดยประสานงานพบปะกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดรายละเอียดได้มากขึ้นในอีก 2-3 วันข้างหน้า แต่ต้องถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมจะทำหรือไม่
“ที่บอกว่าพร้อมจะวางมือทางการเมือง ถ้าบ้านเมืองเดินได้ แล้วจะลองคุยกันมั้ยว่าถ้าจะวางมือแล้ว ขณะเดียวกันรักษาระบบ รักษาประชาธิปไตยอย่างที่คุณยิ่งลักษณ์บอกว่าเป็นความปรารถนาของตัวเองด้วย แล้วประเทศเดินได้ ถ้าพูดให้สัมภาษณ์เฉยๆ บอกว่าพร้อมจะอย่างนี้ แต่ว่าต้องไปเลือกตั้ง อันนี้ไม่ใช่ครับ ต้องถามว่าตกลงคุณยิ่งลักษณ์พร้อมใช่มั้ยที่จะวางมือ แล้วบ้านเมืองจะสงบมั้ย ต้องมาแลกเปลี่ยนกันว่า ประเด็นที่จะทำให้บ้านเมืองสงบนี้มีอะไรบ้าง อาจจะเกี่ยวกับการที่คุณยิ่งลักษณ์วางมือหรือไม่วางมือก็ได้ เพราะไม่มีใครเรียกร้องขณะนี้คุณยิ่งลักษณ์จะต้องวางมือเด็ดขาดทางการเมือง”