หน.ปชป.ห่วง ป.ป.ช.ส่งเรื่องถอดถอน “ปู” คดีปล่อยโกงจำนำข้าวให้วุฒิสภา ชี้ต้องใช้เสียง 90 คนขึ้นไป มองเป็นเรื่องยาก โต้ “อุกฤษ” 9 รมต.พ้นตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มองหากไม่ตอบโจทย์ปฏิรูป ประเทศเดินหน้ายาก สั่งลูกพรรคจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด
วันนี้ (9 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงขั้นตอนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของวุฒิสภา หลังจากถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในโครงการรับจำนำข้าวว่า รัฐธรรมนูญได้กำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนไว้แล้ว จึงทำให้ค่อนข้างที่จะยากในการถอดถอน เพราะต้องใช้เสียงถึง 3 ใน 5 หรือ 90 คน จึงเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการได้สำเร็จ แต่ยังสามารถฝากความหวังจากการดำเนินการทางคดีอาญาได้ แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ฉะนั้น ป.ป.ช.ก็ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยยังมีการออกมาโต้แย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในเรื่องการสิ้นสุดลงของรัฐมนตรีเฉพาะบุคคล ว่าเป็นการตัดสินบุคคลที่อยู่นอกคดี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่ศาลบอกเพียงแต่ชี้ให้เห็นว่าคนที่มีพฤติกรรม และกระทำความผิดอย่างเดียวกับนายกรัฐมนตรี ย่อมอยู่ในสถานะเดียวกัน เพราะถ้าไม่บอกก็เป็นสองมาตรฐาน แม้รัฐมนตรี 9 คนไม่ได้เป็นผู้ถูกร้อง แต่ความสิ้นสุดของรัฐมนตรีไม่ได้ต้องถูกร้องเสมอไป ในกรณีที่มีการสงสัยและมีข้อเท็จจริงชัดเจนก็มีผลผูกพันแล้ว
สำหรับความเห็นของนายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่บอกว่าต้องมีการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาก่อนความเป็นรัฐมนตรีจึงสิ้นสุด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าอ้างอิงอะไร แต่ที่ผ่านมาการเสียชีวิต หรือการลาออก ก็เป็นการพ้นโดยสภาพอยู่แล้ว รวมถึงการพ้นโดยคำวินิจฉัยของศาล โดยถือหลักปฏิบัติว่าตั้งแต่วันที่ศาลวินิจฉัยแล้ว ส่วนที่อ้างว่าวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่มีการรองรับตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 216 วรรค 6 ยังไม่มี ส่งผลให้คำวินิจฉัยมีปัญหา นั้นมีการใช้ระเบียบหลักของรัฐธรรมนูญที่เขียนชัดในเรื่องต่างๆ ว่าบทหลักว่าอย่างไร ให้มีผลทันที
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ทำหน้าที่ของตัวเองหลังจากที่ กปปส.เคลื่อนพล คิดว่าฝ่ายไหนควรจะทำหน้าที่อะไรอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าทีฟังนายสุเทพไม่ได้พูดเจาะจงถึงใคร ต่างคนต่างก็ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง จุดหลักคงหมายถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีหน้าที่นำพาบ้านเมืองให้ไปสู่ความสงบเรียบร้อยได้ ส่วนจะต้องทำอย่างไรนั้น คงจะต้องไปใช้วิจารณญาณ และวิเคราะห์กันเอาเอง แต่ตนยืนยันว่าแนวทางของการเดินหน้าประเทศที่ตนได้วางเอาไว้ในแผนที่ได้นำเสนอไปเป็นหลักสำคัญ เพราะหากเดินออกนอกจากหลักเหล่านั้นแล้ว ยากที่จะเกิดความเรียบร้อย หรือความสงบ หรือความราบรื่นในการเดินหน้าประเทศต่อไป
“ผมเป็นห่วงว่า ปัญหาความขัดแย้ง และความสับสนในบ้านเมืองยังมีอยู่มาก ขณะที่สภาพของรัฐในขณะนี้ไม่มีความชัดเจน และไม่มีศักยภาพในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชนได้ ซึ่งตราบใดที่ไม่มีการมาตอบโจทย์เรื่องการปฏิรูป เพื่อที่จะให้กลับไปสู่การเลือกตั้งที่เรียบร้อยได้ บ้านเมืองจะเดินหน้าได้ยาก โดยได้กำชับในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคว่าให้ทุกฝ่ายได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงอีกหลายวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง และหวังว่าจะไม่มีปัญหาความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว
