โฆษก ปชป.แถลง หน.พรรคเชิญ กก.บห.ถก คาดส่อรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ หลังแดงร่วมฝูงจ่อป่วน แถม “สุรพงษ์” ด้านไม่ยอมพ้น รมต. หวังใช้อำนาจห้ำหั่น และมีบึ้มส่งสัญญาณกระทบสถาบัน รัฐกลับเฉย เปรียบ ศอ.รส.เป็นศูนย์กลางใช้อาวุธผู้เห็นต่าง หวั่นมีมือที่ 3 ลั่นขวางไม่ให้นองเลือด จี้ตอบรับทางออก หน.พรรค ชี้เจ้าตัวรู้ถูกปองร้าย ประณาม พท.จ้อมโนสมคบคิดล้มรัฐ ไม่โต้ข้อ กม.
วันนี้ (8 พ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคนัดพิเศษว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้เชิญกรรมการบริหารพรรคหารือกรณีพิเศษเนื่องจากเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งพรรคเห็นว่ามีความอ่อนไหวและมีแนวโน้มเข้าสู่มุมอับที่อาจรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่จุดจบสำหรับปัญหาการเมือง แต่รัฐบาลใช้เป็นปัจจัยในการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้เข้ามาปฏิบัติการรุนแรงแก้ปัญหาการเมืองให้รัฐบาล
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ที่พ้นตำแหน่งไปพร้อมนายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าตัวเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีและไปร่วมประชุม ศอ.รส. แสดงให้เห็นว่าไม่รู้อำนาจหน้าที่สถาปนาตำแหน่งตัวเองเพื่อเข้าห้ำหั่นคนที่คิดว่าเป็นศัตรู จึงกังวลว่าจะมีความรุนแรง เพราะเมื่อคืนนี้มีการใช้ระเบิดเอ็ม 79 ถึง 4 จุด โดยจุดที่น่ากังวลคือ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นการส่งสัญญาณไปถึงสัญลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์ จงใจนำสถาบันเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมือง ในขณะที่รัฐบาลและ ศอ.รส.ไม่มีท่าทีระงับเหตุ โดย ศอ.รส.มีค่าไม่ต่างจากศูนย์อำนวยการใช้อาวุธกับผู้เห็นต่างจากรัฐบาล
“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่โดยเที่ยงธรรม ใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม รีบระงับเหตุรุนแรงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำสถาบันกษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้อง คุณอภิสิทธิ์ย้ำกับสมาชิกพรรคว่าการเคลื่อนไหวตามรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิ สงบ สันติ อหิงสา แต่สิ่งที่คาดไม่ได้ คือ กลุ่มผู้ไม่หวังดีที่อาจเข้ามาแทรกซ้อนการเคลื่อนไหวของ กปปส.เพื่อให้เกิดการเผชิญหน้าของมวลชนจนเกิดการนองเลือด เนื่องจากรัฐบาลทำได้ทุกอย่างเพื่อให้พ้นจากกับดักที่ตัวเองเป็นคนก่อปัญหา จึงขอเสนอให้พิจารณาแผนเดินหน้าประเทศไทยของคุณอภิสิทธิ์อย่างจริงจังก่อนที่จะสายเกินไป เพราะประเทศไทยอยู่ขอบหน้าผารัฐบาลเพื่อไทยต้องเลือกว่าจะเดินลงเหวหรือจะช่วยระงับเหตุก่อนที่ประเทศจะเสียหายมากกว่านี้” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังประณามแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย ว่ายังบิดเบือนข้อมูลกล่าวโทษกฎหมาย แต่ไม่สามารถโต้แย้งสาระกฎหมาย ใช้แต่จินตนาการสร้างภาพว่ามีขบวนการสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล ทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายได้ตามข้อกฎหมาย แต่นายโภคิน พลกุล ทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กลับอ้างข้อกฎหมายมาโต้แย้งไม่ได้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียใจที่นักการเมืองส่วนหนึ่งผลักภาระการเมืองไปให้ประชาชน พรรคประชาธิปัตย์จะทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศเดินไปสู่การนองเลือด และการรัฐประหาร ขอให้ทุกฝ่ายกลับมาสู่แผนเดินหน้าประเทศไทยที่นายอภิสิทธิ์เสนอ เพราะนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกรัฐมนตรี น่าจะรู้ตัวว่าไม่มีศักยภาพพอในการบริหารและยังมีปัญหาว่าจะมีอำนาจในการทูลเกล้าร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งหรือไม่ ขอให้ยอมรับความจริงว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจ ส่วนผู้ชุมนุมมองข้ามกฎหมายในการหาทางออก ประเทศกำลังจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว เราต้องหยุดภาวะเช่นนี้
โดยนายอภิสิทธิ์ยินดีแลกเปลี่ยนในการหาทางออก ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเดินตามแผนเดินหน้าประเทศไทย แต่จะต้องมีจุดเริ่มต้นและพร้อมพูดคุยกับคนที่มีอำนาจตัดสินใจของทุกฝ่าย ไม่เช่นนั้นสิ่งที่จะเกิดคือสงครามกลางเมือง การนองเลือด มีการฉีกรัฐธรรมนูญ เกิดรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ขอส่งข้อความนี้ไปยังทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลหากปล่อยให้มีการใช้อาวุธจัดการฝ่ายที่เห็นตรงข้ามกลัวว่าสุดสัปดาห์นี้เราจะมีประวัติศาสตร์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจะพ้นตำแหน่งแล้ว ยังเชื่อว่ามีอำนาจตัดสินใจขอให้ยับยั้งวิกฤตประเทศครั้งนี้ด้วย
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า หัวหน้าพรรคประเมินด้วยว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่อาจมีการก่อวินาศกรรม โดยตั้งแต่คืนนี้จะมีการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัย ประสานกับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลรักษาความปลอดภัย รวมถึงแกนนำพรรคก็อาจตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุรุนแรงด้วย