“ยิ่งลักษณ์” สุดเศร้า แถลงอำลาตำแหน่ง ยันทำหน้าที่นายกฯ เต็มที่ พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และเมกะโปรเจกต์ ปากแข็งปัดทุจริต-เอื้อประโยชน์ใครตามที่ถูกกล่าวหา ขอบคุณข้าราชการที่สนับสนุน และประชาชนที่ไว้วางใจ ลั่นขอเดินตามเส้นทางประชาธิปไตย ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใด
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากสถานภาพนายกรัฐมนตรี พร้อมกับรัฐมนตรีที่ร่วมลงมติโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ระบุว่า เรียนพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่านค่ะ ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ และตัวดิฉันได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ด้วยการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ในการสร้างความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจ ที่จะเพิ่มความแข็งแรง ทั้งเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ ทางด้านสังคม ที่รัฐบาลเน้นในการมุ่งสร้างความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน การแก้ปัญหาของความเหลื่อมล้ำของสังคม และการลดช่องว่างระหว่างผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ที่มีรายได้มาก เพื่อที่จะให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในการที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ยืนทัดเทียมกัน และรวมถึงการพัฒนาให้ประเทศไทยเรานั้นมีบทบาทที่จะยืนอยู่ในเวทีของอาเซียน เพื่อเป็นศูนย์กลางของการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ดิฉันขอยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ดิฉันปฏิบัติงาน และทำงานมาตลอดรัฐบาลนี้ ดำเนินการด้วยความตั้งใจ ทุ่มเทในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ทุ่มเททำงานเพื่อตามที่พี่น้องประชาชนได้ไว้วางใจในการเลือกรัฐบาลนี้มา และได้ยึดหลักในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่เคยมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตตามที่กล่าวหาใดๆ หรือแม้กระทั่งการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย อย่างที่ได้กล่าวหา นอกจากนี้ ในการดำเนินการขับเคลื่อนนโยบาย ก็ยังให้ความสำคัญกับการจัดการเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตอย่างเสมอมา
ดิฉันขอถือโอกาสนี้ขอขอบคุณพี่น้องข้าราชการที่ได้ให้การสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลนี้ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และที่สำคัญ ดิฉันขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจ และให้ความไว้วางใจให้ดิฉันและคณะรัฐมนตรีได้มีโอกาสได้รับใช้พี่น้องประชาชนตลอดมา และกำลังใจที่ให้ตลอดเวลาในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นช่วงของความยากลำบากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงของความเดือดร้อนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ทางการเมืองใดๆ ก็ได้รับกำลังใจจากพี่น้องประชาชนเสมอมา นั่นล่ะค่ะ คือสิ่งที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจในการทำงาน และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทอย่างเสมอมาค่ะ และทุกครั้งที่ดิฉันได้ทำงาน วันนี้ดิฉันก็ได้ทำงานมาทั้งหมดเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน 2 วันค่ะ ทุกๆ นาที ทุกๆ วัน ของ 2 ปี 9 เดือน 2 วันนั้น เป็นนาทีของความภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชน และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย
ดิฉันภูมิใจค่ะที่ดิฉันได้ทำงานอยู่ในหน้าที่นี้ด้วยความตั้งใจและทุ่มเทค่ะ ต่อไปนี้ ไม่ว่าดิฉันจะอยู่ในสถานะใด ดิฉันก็จะขอเดินตามเส้นทางของระบอบประชาธิปไตย จะขอยึดมั่นในหลักของนิติรัฐ นิติธรรม ยึดมั่นในการสร้างความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกันของสังคม และสุดท้ายค่ะ ดิฉันขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน ดิฉันขอยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทยตลอดไปค่ะ ขอบคุณค่ะ
มีรายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มสตรีเสรีไทยรักประชาธิปไตย นำโดย นางมยุเรศ โคตรชมพู ประธานชมรมเสียงสตรี จังหวัดหนองคาย ได้เดินทางด้วยรถเครื่องขยายเสียง มายังสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ เพื่อให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ และประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลในการตัดสินให้นางสาวยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จากนั้นเวลา 16.10 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้เดินไปพบกับกลุ่มสตรีเสรีไทยรักประชาธิปไตย ที่มาให้กำลังอยู่ด้านหน้าอาคารสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะขึ้นรถออกจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี ได้ยกมือไหว้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่มาส่งขึ้นรถ พร้อมกล่าวขอบคุณทุกคน และจับมือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจการปฏิบัติหน้าที่แทน โดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ตะโกนให้รัฐมนตรีร่วมกันปรบมือให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ขณะที่ก้าวขึ้นรถ โดยที่นายกรัฐมนตรี ไม่มีน้ำตาคลอเลยแม้แต่น้อย โดยรถขบวนได้ออกจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมในเวลา 16.30 น.
