หน.ภูมิใจไทยขอบคุณ กกต.ให้ความเป็นธรรมเลิกสอบพรรค ชูทีมกฎหมายทุ่มเทงานเต็มที่ ยันปฏิบัติตาม กม.ตลอด โล่งอกเหมือนยกภูเขาออก ลั่นเดินหน้าทำการเมืองเต้มที่ วอนทุกฝ่ายลดทิฐิ ถอยคนละก้าว เดินหน้าเลือกตั้ง
วันนี้ (27 เม.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่กกต.ยุติการสอบสวนกรณีที่ไม่ยอมชี้แจงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเนื่องจากไม่มีมูลว่า ในนามของพรรคภูมิใจไทย ต้องขอขอบคุณ กกต.ชุดเก่าและกกต.ชุดปัจจุบันที่ให้ความเป็นธรรม พร้อมรับฟังข้อชี้แจง ตลอดจนดูข้อเท็จจากเอกสาร หลักฐานและพยานบุคคล ที่พรรคได้นำมาชี้แจงต่อ กกต. รวมถึงขอขอบคุณทีมกฎหมายของพรรคที่ได้ทุ่มเทและทำงานอย่างเต็มที่ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาพรรคยืนยันว่าได้ปฎิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอดและเรามั่นใจมาโดยตลอดว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
“เมื่อปัญหานี้ยุติลงพรรคก็โล่งอก เหมือนยกภูเขาออกไป และจากนี้ไปเราก็จะเดินหน้าทำการเมืองอย่างเต็มที่เพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่งและขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ลดทิฐิ และถอยกันคนละก้าว เพื่อให้บ้านเมืองเราพ้นจากวิกฤติโดยเร็ว เพื่อจัดการเลือกตั้งเพราะการเลือกตั้งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าว
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การที่ กกต.ชี้ไม่มีมูลยุติสอบยุบภูมิใจไทยว่าตรงนี้เป็นกรณีการสืบสวนสอบสวนโดย กกต.ชุดที่แล้วได้สอบสวนและนำเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.ชุดนี้ก็เห็นด้วยตามนายทะเบียนชุดที่แล้ว ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยขอขอบคุณ กกต.ชุดปัจจุบันและกกต.ชุดเก่า ที่รับฟังเหตุผลและข้อเท็จจริงเพราะพรรคภูมิใจไทยมีความระมัดระวังกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง ส่วนอะไรที่ขัดกฎหมายหรือเข้าข่ายหมิ่นเหม่ทางพรรคจะไม่ทำอย่างแน่นอน ส่วนอดีตสมาชิกพรรคที่กระทำความผิดนั้นทางพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะเป็นพยานให้กับ กกต.
ทั้งนี้ จากกรณีที่ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติรับทราบความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ให้ยุติเรื่องกรณีนายทรงกลด ไชยแก้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ยื่นขอให้ กกต.พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย จากกรณีหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 54 พรรคภูมิใจไทยไม่ยอมชี้แจงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งในส่วนของค่าเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกว่า 300 ด่านกรณียืนแจกเอกสารโฆษณาประชาสัมพันธ์ แนะนำนโยบายพรรคภูมิใจไทย รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ไว้ในรายงานประจำปี ที่ต้องแจ้งต่อ กกต.ซึ่งเข้าข่ายความผิด โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนมีมติ 4 ต่อ 1 เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยมีความผิด ที่เป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคให้ยุบพรรค
แต่ปรากฏว่านายทะเบียนในขณะนั้น คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีตประธาน กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการของนายทะเบียนสอบสวนเพิ่มเติมและมีความเห็นในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลเห็นควรให้ยุติเรื่อง ดังนั้นเมื่อ กกต.ชุดปัจจุบันได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองก็เห็นว่าสิทธิในฐานะนายทะเบียนของตนได้ถูกใช้ไปแล้ว และเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย จึงไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในฐานะนายทะเบียนอีก
โดยที่ประชุม กกต.ยังมีมติดำเนินคดีอาญากับนายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ อดีตสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพราะจากการสอบสวนชัดเจนว่านายธนชาติ ได้รับเงินบริจาค โดยไม่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองด้วย