เลขาฯ ภท.แจงเหตุอนุ กกต.เสนอยุบพรรค หลังไม่แจงเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินหาเสียง ยันฝีมือ 2 สมาชิกพรรค แถมหนึ่งในนั้นเป็นน้องเขยตน และถูกไล่จากพรรค หลังหลอกผู้สมัคร ส.ส. พรรคไม่ทราบพร้อมเอาผิด และยังมีการแพร่ข้อความไต่สวนในคดี ผิด กม.อาญา ข้องใจ คนในอนุ กกต.เป็นเพื่อนน้องเขย เตือนคนอุ้มระวังเจอเนรคุณ จี้ กกต.ให้ความยุติธรรม
วันนี้ (28 ส.ค.) นายศุภชัย ใจสมุทร เลขาธิการ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะอนุ กกต.ได้เสนอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของ กกต.แจ้งต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย จากการที่มีผู้ร้องเรียนว่าพรรคภูมิใจไทยไม่แจ้งค่าใช้จ่ายในเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไว้ในรายงานประจำปีที่จะต้องแจ้งต่อ กกต. ทั้งในส่วนของค่าเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในการยืนแจกเอกสารหาเสียงของพรรคว่า เรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนก็คือ นายทรงกรด ไชยแก้ว และนายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ สมาชิกและกรรมการนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ที่มีศักดิ์เป็นน้องเขยของตน ซึ่งเป็นผู้ขอเช่าพื้นที่บริเวณหน้าด่านเก็บเงินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อทำการแจกแผ่นพับโฆษณาประชาสัมพันธ์แนะนำนโยบายของพรรคภูมิใจไทย โดยที่พรรคภูมิใจไทยไม่เคยรับรู้การกระทำดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้ทางพรรคภูมิใจไทยได้ไล่นายธนชาติออกจากพรรคไปในข้อหาหลอกลวงผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคว่าสามารถติดต่อกับ กกต.เพื่อช่วยเหลือในการเลือกตั้งได้ โดยตนเชื่อว่านายธนชาติต้องการไปแสวงหาผลประโยชน์กับการทางพิเศษฯ ด้วยการอาศัยความเป็นน้องเขยตน จึงขอยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้กระทำการดังกล่าวอย่างที่โดนกล่าวหา ทั้งนี้พรรคจะดำเนินคดีกับทั้งสองคนอย่างแน่นอนในสัปดาห์หน้า
นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ภายหลังจากการที่คณะอนุ กกต.มีมติดังกล่าวออกมา พบว่าเว็บไซต์พระนครสาส์นได้นำข้อความในการไต่สวนทั้งหมดนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคำให้การของบุคคลที่เข้าไปชี้แจงต่อคณะอนุ กกต.นั้นถือว่าเป็นความลับของทางราชการที่คณะอนุ กกต.เป็นผู้ครอบครอง แต่ถูกนำมาเปิดเผยถือว่าผิดกฎหมายอาญา มาตรา 164 ที่ระบุชัดว่าเจ้าหน้าที่พนักงานต้องมีหน้าที่รักษาความลับของทางราชการ นอกจากนี้ สิ่งที่ตนรู้มาคือ หนึ่งในคณะอนุ กกต.เป็นเพื่อนกับนายธนชาติที่เรียนมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นทาง กกต.จะต้องตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นควรที่จะพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ตนรู้สึกกังขาต่อการกระทำของคณะอนุ กกต.เพราะการพิจารณาคดีตามหลักแล้วจะต้องพิจารณาว่าทั้งสองฝ่ายมีเหตุโกรธเคืองกันหรือไม่ แต่คณะอนุ กกต.กลับเชื่อคำพูดของนายธนชาติเพียงผู้เดียว และไม่ฟังคำชี้แจงของพรรคภูมิใจไทยเลย ตนจึงขอเรียกร้องต่อ กกต.พิจารณาเรื่องนี้ด้วยความยุติธรรม
“ผมขอฝากไปยังคนที่โอบอุ้มนายธนชาติเอาไว้ในตอนนี้เพื่อให้ดำเนินการร้องเรียนให้ยุบพรรคภูมิใจไทยว่า ขอเตือนให้บุคคลนั้นระวังคนเนรคุณอย่างนายธนชาติให้ดี เพราะขนาดผมที่เคยโอบอุ้มนายธนชาติมาเขายังเนรคุณได้ แต่ผมจะไม่ยอมให้นายธนชาติเนรคุณพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน” นายศุภชัยกล่าว