กกต.ยุติสอบยุบ ภท. หลังอดีตประธานคนก่อนให้ความเห็นไม่มีมูล

กกต. มีมติให้ยุติสอบยุบพรรคภูมิใจไทย ไม่ชี้แจงค่าใช้จ่ายเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงินการทางพิเศษฯ แจกนโยบายพรรค หลังอดีตประธาน กกต. คนก่อน มีความเห็นทิ้งทวนคดีไม่มีมูล

รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ประชุม กกต. มีมติรับทราบความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ให้ยุติเรื่องกรณี นายทรงกลด ไชยแก้ว ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ยื่นขอให้ กกต. พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย จากกรณีหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2554 พรรคภูมิใจไทย ไม่ยอมชี้แจงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ในส่วนของค่าเช่าพื้นที่ด่านเก็บเงิน ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกว่า 300 ด่าน ในการยืนแจกเอกสารโฆษณาประชาสัมพันธ์ แนะนำนโยบายพรรคภูมิใจไทย รวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ไว้ในรายงานประจำปี ที่ต้องแจ้งต่อ กกต. ซึ่งเข้าข่ายผิดมาตรา 52 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และได้มาซึ่ง ส.ว. ประกอบมาตรา 42 และ มาตรา 93 ของ พ.ร.บ.ประกอบพรรคการเมือง

โดยกรณีดังกล่าวคณะอนุกรรมการไต่สวนได้มีมติ 4 ต่อ 1 เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยมีความผิด ที่เป็นเหตุให้นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรค โดยเมื่อเรื่องดังกล่าวส่งถึงนายทะเบียนในขณะนั้น คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ อดีตประธาน กกต. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการของนายทะเบียนสอบสวนเพิ่มเติม โดยในช่วงก่อนหมดวาระ นายอภิชาต ก็ได้มีความเห็นในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีมูลเห็นควรให้ยุติเรื่อง แต่ยังไม่ได้มีการเสนอให้ที่ประชุม กกต. รับทราบ

เมื่อ กกต. ชุดปัจจุบันได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองก็เห็นว่าสิทธิในฐานะนายทะเบียนของตนได้ถูกใช้ไปแล้ว และเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย ดังนั้นจึงไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในฐานะนายทะเบียนอีก และได้ส่งเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าวาระการประชุมเพื่อให้ กกต. รับทราบตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม การประชุมเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา นายประวิช รัตนเพียร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม ได้ขอถอนตัวออกจากที่ประชุมเมื่อมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสำนวนการสอบสวนมีชื่อของนายประเวช รัตนเพียร ซึ่งเป็นพี่ชายของนายประวิช เป็นสมุห์บัญชีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนายประวิช เกรงว่าหากอยู่ร่วมพิจารณาด้วยจะไม่เหมาะสม