“อภิสิทธิ์” แถลงหลังพบปลัด ยธ. ชี้เห็นพ้อง 3 เรื่อง เดินหน้าไปพบ ผบ.สส. จันทร์นี้ พร้อมประสานเครือข่ายอื่นต่อ แนะรัฐบาล-กปปส. อย่าปฏิเสธ รับมีเวลาไม่มากให้ทันสถานการณ์ ย้ำเป็นส่วนหนึ่งปมปัญหา ถ้าไม่สำเร็จจะยิ่งตึงเครียด ด้าน “กิตติพงษ์” รับสอดคล้องแนวทาง ยันเลือกตั้งอย่างเดียวแก้ไม่ได้ พร้อมยินดีคุยทุกกลุ่ม
วันนี้ (25 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการหารือร่วมกับนายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งมีตัวแทนจากทั้งนักวิชาการและภาคเอกชนว่า เป็นก้าวแรกในการหาทางออกให้กับวิกฤตการเมืองตามหลักการของการปฏิรูป โดยการแลกเปลี่ยนความเห็นเป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดีมากบนความห่วงใยต่อสถานการณ์ และปรารถนาที่จะเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ หัวใจสำคัญที่จะเดินก้าวที่สองคือการเห็นพ้องใน 3 เรื่อง คือ 1. การแก้ปัญหาประเทศต้องผูกพันกับการปฏิรูป เพราะการปฏิรูปเป็นหัวใจของการแก้ปัญหาในระยะยาว 2. การหาคำตอบและการปฏิรูปต้องก้าวพ้นการถกเถียงว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือปฏิรูปหลังเลือกตั้ง เพราะจะไม่ได้คำตอบ เนื่องจากที่สุดแล้วการเลือกตั้งต้องเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป 3. แนวคิดของตนและเครือข่ายมีวิธีการขั้นตอนทางกฎหมายและการเมืองที่สามารถจะได้คำตอบได้มีทางเลือกที่มีความหลากหลายพอสมควร ซึ่งมีความแตกต่างในรายละเอียดแต่หลักการตรงกัน
“หลังจากนี้ผมจะเดินก้าวที่สองและสามคือไปขอความสนับสนุน ซึ่งวันจันทร์ที่ 28 เม.ย. ตนจะไปพบกับพล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ส.ส. และจะประสานกับฝ่ายอื่น ๆ ต่อไป ขอขอบคุณเครือข่ายที่รับนัดผมในเวลาที่กระชั้นชิด โดยการเริ่มต้นต้องเริ่มจากหลักคิดเพื่อขยายแนวร่วม การพบปะกับรัฐบาลต้องเกิดขึ้นเพื่อหาคำตอบแต่จังหวะเวลา คำตอบของประเทศต้องมาหลายส่วนวันนี้หาคำตอบเรื่องการปฏิรูป จากนั้นความมั่นคง การเลือกตั้ง ฝ่ายบริหาร มวลชน เพื่อนำคำตอบมาประกอบกัน ผมไม่ตั้งใจทำงานนานเพราะประเทศสูญเสียโอกาสทุกวัน ทุกคนกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้ง หากสิบวันหลังจากนี้ไม่มีความคืบหน้าก็บอกได้เลยว่าคงไม่ใช่ ถ้ารัฐบาล และ กปปส. ต้องการปฏิรูปไม่ควรปฏิเสธเรื่องนี้ แต่การทำเรื่องนี้จะยากหากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ต้องการให้มีคำตอบสำหรับประเทศ ผมอยู่กับความจริงว่าไม่ง่าย เพราะถ้าง่ายบ้านเมืองคงไม่เดินมาถึงวันนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ตนตระหนักดีว่าเวลามีไม่มากจึงตั้งใจทำให้ทันต่อสถานการณ์ และไม่คิดว่าตัวเองวิเศษกว่าใคร ตนไม่ใช่คนกลาง โดยยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พาบ้านเมืองมาถึงจุดนี้ แต่วันนี้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ อย่างไรก็ตามหากไม่สำเร็จก็จะมีความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงมากขึ้น เสียโอกาสมากขึ้น ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ระบุว่าข้อเสนอของตนเป็นการเดินตามแนวทางของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปสส. นั้น ไม่ขอตอบโต้แต่ขอให้พิจารณาเนื้อหาสาระที่ตนเสนอแล้วจะได้คำตอบเองว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่
ด้าน นายกิตติพงษ์ กล่าวหลังหารือว่า เป็นการติดต่อของนายอภิสิทธิ์ เพื่อต้องการแลกเปลี่ยนแนวคิดเรื่องการปฏิรูป ซึ่งสอดคล้องกับของเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปประเทศที่เคยนำเสนอไป ซึ่งทางเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปฯ เชื่อมาตลอดว่า การเลือกตั้งอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งที่ปราศจากพูดคุยกับคู่ขัดแย้งจะนำไปสู่หนทางที่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เราต้องออกแบบการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับความเห็นคนส่วนใหญ่ ให้เป็นเป้าหมายร่วมกัน มีการคุยลงลึกถึงรายละเอียดต่างๆ แต่ไม่ขอเปิดเผย ซึ่งเราเห็นพ้องกัน 3 เรื่อง ตามแนวทางการปฏิรูปของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งทางเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปได้แสดงเจตนามาโดยตลอด ที่ยินดีจะพูดคุยกับทุกกลุ่มและทุกพรรคการเมือง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็ได้ปรารภมาหลายโอกาสจะพูดคุยกับเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปฯ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการประสานงานกับทีมงานของนายกฯ และทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ โดยการหารือนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์
นายกิตติพงษ์ กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าทางเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปฯไม่ได้ต้องการมีบทบาทในการเป็นผู้สร้างวงเจรจา แต่เราต้องการให้หยุดความรุนแรงและเดินหน้าการปฏิรูป และพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพูดคุยวงกว้างขึ้น โดยส่วนตัวมองว่าวันเลือกตั้ง ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เท่ากับกระบวนการที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และการสร้างหลักประกันว่าจะปฏิรูปอย่างไร ส่วนเรื่องวันเลือกตั้งค่อยมาพูดคุยกันภายหลัง
“ส่วนตัวผมส่งเสริมการพูดคุยและเจรจา เพราะปัญหาทุกอย่างต้องเริ่มจากการพูดคุย ด้วยการวางกรอบที่ชัดเจน ซึ่งกปปส. ได้ผลักดันการปฏิรูป และขณะนี้การปฏิรูปก็เป็นที่ต้องการของหลายๆ ฝ่าย ถ้าจะปฏิรูปท่ามกลางความขัดแย้ง ก็จะเสียโอกาสในการปฏิรูป และจะทำให้การปฏิรูปไม่สามารถเดินต่อไปได้แม้จะมีเจตนาดีก็ตาม” นายกิตติพงษ์ กล่าว