เกาะกระแส
00 ได้เห็นท่าทีที่ชัดเจนของ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ยืนยันความเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ค้อมหัวให้ประชาชน แต่ไม่ยอมค้อมหัวยอมรับรัฐบาลชั่ว นักการเมืองเลวเป็นอันขาด แม้จะถูกข่มขู่คุกคามเอาชีวิตก็ไม่หวั่นไหวโอนเอน นี่สิของจริง เป็นแสงสว่างนำทางให้กับบรรดาข้าราชการทั้งหลายที่เวลานี้มีไม่น้อยที่สงบนิ่ง หรือโอนอ่อน หรือสมัครใจรับใช้โจรเพื่อหวังลาภยศ แต่สำหรับเขา"ไม่" นอกจากไม่แล้ว ยังออกมากระตุ้นให้ข้าราชการตื่นขึ้นมารวมพลังขับไล่แก๊งโจรชั่วที่แฝงตัวอยู่ในรัฐบาล ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกไปแล้วร่วมกับปฏิรูปประเทศกันใหม่เสียที
00 ท่าทีและจุดยืนดังกล่าวของปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งความกล้าหาญของบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ยังได้สร้างความตื่นตัวให้กับบรรดาข้าราชการในกระทรวงอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มได้เห็นความเคลื่อนไหวของข้าราชการระดับสูงหลายคนที่เริ่มแข็งขืนกับนักการเมืองชั่วมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าที่ผ่านมาพวกข้าราชการส่วนใหญ่จะออกมายืนเคียงข้างประชาชนกันแล้ว เพียงแต่ว่ายังมีระดับอธิบดี ปลัดกระทรวงที่ยังวางเฉย ไม่เอาด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเองได้ดิบได้ดีมีความสุขอยู่กับ ระบอบทักษิณ จึงเลือกที่จะต่อต้าน หรือไม่ก็วางเฉยไม่เปลืองตัว แต่เชื่อว่านับจากนี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากบรรดา"ข้าราชการ"มากขึ้นหลังจากถูกกระตุ้น กระตุกสามัญสำนึกดีให้กลับมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่น่าจับตาก็คือ ท่าทีของ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กิตติพงศ์ กิตติยารักษ์ ที่ไม่ยอมเข้าไปรับฟังคำบริภาษของนักการเมืองชั่วๆใน ศอ.รส.โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กยืนยันว่าเขาเป็นข้าราชการที่ต้องทำให้ประชาชนชื่นใจและภูมิใจเท่านั้น แค่นี้มันก็ชัดแล้ว
00 อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งก็คือ กำหนดนัดประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงอีกรอบของ ศอ.รส.ในวันที่ 30 เม.ย.ที่ทางหนึ่งต้องการเช็กกำลังหนุนให้ชัดเจนว่าตอนนี้ยังเหลืออยู่กี่มากน้อย อีกด้านหนึ่งมันก็อยากเห็นคนใน"ศูนย์รวมเถื่อน"ตั้งแต่ เฉลิม อยู่บำรุง และ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จะ"หน้าแตก"เสียรังวัดจนป่นปี้หรือไม่ หากมีพวกปลัดกระทรวงไม่สนใจพวกบ้าน้ำลายของพวก"ขี้ข้า"และแนวโน้มกำลังจะเป็นแบบนั้นเสียด้วย
00 หลายคนบอกว่าหากจะกำจัดคนชั่วอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ให้หมดพิษสง ก็ต้องใช้วิธีแบบ"ธรรมชาติ" นั่นคือให้เวลาพิสูจน์ความจริง อย่าไปใช้วิธีฝืนธรรมชาติแบบบังคับเป็นอันขาด โดยเฉพาะการรัฐประหารนี่ไม่ได้เลย เพราะจะยิ่งสร้างเงื่อนไขให้คนพวกนี้กลับมาเข้มแข็งอีก แต่มันก็มีข้อยกเว้นนั่นคือ ต้องไม่ใช่รัฐประหารแบบหน่อมแหน้ม ต้องเด็ดขาด แต่นาทีนี้ยังมองไม่เห็นแววว่าจะมีนายทหารคนไหนที่พอฝากความหวังเอาไว้ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ปล่อยให้เกษียณฯไปอย่างไร้ค่าเถอะ เพราะถ้าแบบนี้ก็ไม่สมควรเสี่ยง
00 สำหรับการกำจัด ทักษิณ ชินวัตร อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่าต้องใช้วิธีธรรมชาติ นั่นคือให้เวลาประจานคนพวกนี้ออกมาเอง เหมือนอย่างที่เราได้เห็น คนเสื้อแดงหลายคนได้เห็น ได้สัมผัสจริงกับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แค่เพียงสองปีเศษเท่านั้น มันสะท้อนให้เห็นถึงความห่วยแตก ที่เคยแอบซ่อนเอาไว้ ได้เห็นการ"โกงทั้งโคตร"ใช้อำนาจรัฐฮุบทรัพยากรธรรมชาติเป็นของส่วนตัว เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ โลภไม่รู้จักพอ เราได้เห็นพวกน้ำเน่าที่เข้ามาซุกปีก ไม่ว่าจะเป็น เฉลิม อยู่บำรุง เสนาะ เทียนทอง บรรหาร ศิลปอาชา คนพวกนี้มันเน่ามากี่ปีแล้ว เมื่อมาอยู่รวมกันมันก็ย่อมเห็นภาพได้ดีอยู่แล้ว เวลานี้เชื่อว่าสังคมได้ "ตาสว่าง"มากขึ้นเรื่อยๆ เชื่อเถอะยิ่งนาน ระบอบทักษิณ นั่นแหละจะยิ่งอ่อนแรง ขณะที่ภาคประชาชนแม้จะเจ็บปวด แต่ถึงที่สุดแล้วก็สามารถขับไล่ออกไปได้หรืออย่างน้อยก็ทำให้สังคมได้ถอยกลับมาสู่ระบบ"การถ่วงดุล"อย่างยั่งยืนเสียที เวลานี้ก็เหลื่อมกันไม่มากแล้ว !!