นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตกเป็นเหยื่อรายล่าสุด จากภัยมืดคุกคาม เช่นเดียวกับอีกหลายคนและหลายองค์กรที่ความเห็นต่างจากรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แม้ไม่อาจควานหาตัวกลุ่มคนที่ใช้อาวุธสงคราม ไล่ถล่มใส่บ้านบุคคลสำคัญ องค์กรอิสระ หรือศาล แต่ก็รู้กันอยู่ว่า คนร้ายที่ปฏิบัติการคุกคามข่มขู่มาจากฝ่ายไหน
ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้ ทั้งที่ก่อคดีอุกอาจ ท้าทายกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก
แม้หลายคดีจะมีเด็กไร้เดียงสาต้องเป็นเหยื่อของความอำมหิตก็ตาม
การยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มบ้านหมอณรงค์ ไม่ต้องสืบสวนหาสาเหตุ โดยเกิดจากประเด็นทางการเมืองเพียงอย่างเดียว
คุณหมอณรงค์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข คนแรกและคนเดียวที่ประกาศไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ปลุกข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรในวงการแพทย์ ต่อต้านรัฐบาลโกงและการใช้ความรุนแรง
การติดป้ายรณรงค์ต่อต้านรัฐบาลโกงตามโรงพยาบาลต่างๆ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเป็นรัฐบาลไหน แต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นเดือดเป็นร้อน จนเกิดการปลุกระดมต่อต้าน นำมวลชนคนเสื้อแดงไปรังควาน และตามด้วยปฏิบัติการคุกคามคุณหมอณรงค์
มือมืดที่ปฏิบัติการคุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลแพ่ง ศาลอาญา หมอณรงค์ หรือแม้แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือแกนนำ กปปส.คนอื่นๆ เป็นคนกลุ่มเดียวกัน ถูกบงการให้ปฏิบัติการจากต้นตอแหล่งเดียวกัน และจะเป็นฝ่ายไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล
แต่การใช้อำนาจมืดปฏิบัติการที่ป่าเถื่อน ก็ไม่สามารถทำให้ใครหดหัว เกรงกลัว จนไม่กล้าทำหน้าที่หรือต้องเปลี่ยนแปลงจุดยืนไป
องค์กรอิสระทุกแห่งประกาศอย่างแข็งกร้าว จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โดยไม่หวั่นไหวต่อภัยคุกคามทุกรูปแบบ
คุณหมอณรงค์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่กลัวแล้ว ยังออกมาเรียกร้องให้ข้าราชการอย่ายอมรับอำนาจที่ไม่ชอบธรรมอีกด้วย
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นวีรบุรุษของข้าราชการในปัจจุบัน หลังถูกอำนาจเถื่อนคุกคาม กำลังใจหลั่งไหลมาล้นหลาม โดยเฉพาะบุคลากรในวงการแพทย์ ลุกฮือขึ้นมาสนับสนุนจุดยืนของหมอณรงค์
สิ่งที่คุณหมอณรงค์เรียกร้องคือ “ข้าราชการต้องทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ข้าราชการออกมาแสดงความคิดเห็น อย่ายอมรับอำนาจที่มิชอบ ให้อยู่ข้างความชอบธรรม ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจคือบ้านเมือง ไม่ใช่ตำแหน่งแล้ว หากเป็นปลัดไปพินอบพิเทาคนมีอำนาจ ก็ไม่รู้จะเป็นปลัดไปทำไม”
สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ คุณหมอณรงค์ระบุว่า สถาบันข้าราชการจะเป็นอีกเสาหลักในการดูแลประเทศ โดยข้าราชการไม่ใช่ลูกน้องของรัฐบาล แต่เป็นข้าราชการของประชาชน อย่าไปเกรงกลัว และเชื่อว่าข้าราชการระดับปฏิบัติการทุกคนพร้อม รอแต่หัวหน้าส่วนราชการเท่านั้น จึงเชิญชวนให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรมออกมาส่งสัญญาณว่า ประเทศนี้ควรแก้ไขอะไรบ้าง
การประกาศจุดยืนของปลัดกระทรวงสาธารณสุข คงจะเสียดแทงหัวใจของปลัดกระทรวงหลายคน โดยเฉพาะปลัดกระทรวงที่เป็นขี้ข้าระบอบทักษิณ ได้ตำแหน่งเพราะยอมก้มหัวรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
แต่ก็เป็นการจุดประกายสำนึกแห่งความรับผิดชอบของข้าราชการทั้งประเทศ ส่งสัญญาณให้รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการจะต้องพร้อมใจกันออกมาปกป้องบ้านเมือง ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลโกงร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ
ถึงเวลาที่ต้องประกาศให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์รู้ว่า อำนาจมืด ความป่าเถื่อน การใช้ความรุนแรงคุกคามข่มขู่ ไม่อาจสยบคนดีที่มีความรักชาติได้
อันธพาลที่ถูกส่งมาก่อกวน สร้างความปั่นป่วน รังควานคุกคาม ไม่ได้ทำให้ประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลทรราชเกิดความท้อถอย แต่กลับกล้าแกร่งขึ้น
และแทบจะทุกกลุ่มแล้วที่ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เสียดายที่การประกาศจุดยืนการเป็นข้าราชการที่ดี มีสำนึกในความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เป็นคุณหมอณรงค์
ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีความรู้สึกเดียวกับคุณหมอณรงค์ ออกมาประกาศจุดยืนเช่นเดียวกับคุณหมอณรงค์ ปัญหาของบ้านเมืองคงจะจบเร็วขึ้น
แต่ถึงพล.อ.ประยุทธ์จะสงวนท่าที ตีกรรเชียงอยู่ วางตัวไม่เอาใคร ก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะอยู่ได้
การปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาปฏิบัติการป่วน การส่งรัฐมนตรีออกมาเห่าหอน ขู่ว่าจะเกิดนองเลือดเป็นรายวัน การบงการให้อันธพาลเที่ยวยิงเอ็ม 79 คุกคาม เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายแล้ว
การขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ต้องใช้เวลา แต่ที่ผ่านมาเวลาไม่ได้สูญเปล่า เพราะประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านมีความแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่อำนาจของรัฐบาลอ่อนล้าลงเรื่อยๆ จนล่าสุดต้องขุดวีธีถ่อยเถื่อนมาใช้เพื่อปราบปรามประชาชน
แต่การคุมคามข่มขู่ ไม่อาจกดหัวฝ่ายที่เห็นต่างได้ เพราะไม่มีใครกลัว มีแต่กระตุ้นให้ฝ่ายที่เห็นต่างกล้าแกร่ง รวมตัวเป็นเอกภาพมากขึ้น และพร้อมเต็มที่ในการรุกไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เริ่มนับถอยหลังรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้แล้ว ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทางรอด จะสั่งรัฐมนตรีขี้ข้ามาเห่าขู่จนน้ำลายฟูมปาก เหมือนสุนัขบ้าหน้าร้อน จะส่งอันธพาลมาก่อความรุนแรงเพื่อคุกคาม ก็ไม่มีใครกลัวแล้ว
ทุกฝ่ายพร้อมรบ พร้อมลุกฮือไล่ตะเพิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์เต็มที
แม้ไม่อาจควานหาตัวกลุ่มคนที่ใช้อาวุธสงคราม ไล่ถล่มใส่บ้านบุคคลสำคัญ องค์กรอิสระ หรือศาล แต่ก็รู้กันอยู่ว่า คนร้ายที่ปฏิบัติการคุกคามข่มขู่มาจากฝ่ายไหน
ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้ ทั้งที่ก่อคดีอุกอาจ ท้าทายกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก
แม้หลายคดีจะมีเด็กไร้เดียงสาต้องเป็นเหยื่อของความอำมหิตก็ตาม
การยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มบ้านหมอณรงค์ ไม่ต้องสืบสวนหาสาเหตุ โดยเกิดจากประเด็นทางการเมืองเพียงอย่างเดียว
คุณหมอณรงค์ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข คนแรกและคนเดียวที่ประกาศไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ปลุกข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรในวงการแพทย์ ต่อต้านรัฐบาลโกงและการใช้ความรุนแรง
การติดป้ายรณรงค์ต่อต้านรัฐบาลโกงตามโรงพยาบาลต่างๆ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเป็นรัฐบาลไหน แต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เป็นเดือดเป็นร้อน จนเกิดการปลุกระดมต่อต้าน นำมวลชนคนเสื้อแดงไปรังควาน และตามด้วยปฏิบัติการคุกคามคุณหมอณรงค์
มือมืดที่ปฏิบัติการคุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ศาลแพ่ง ศาลอาญา หมอณรงค์ หรือแม้แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือแกนนำ กปปส.คนอื่นๆ เป็นคนกลุ่มเดียวกัน ถูกบงการให้ปฏิบัติการจากต้นตอแหล่งเดียวกัน และจะเป็นฝ่ายไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาล
แต่การใช้อำนาจมืดปฏิบัติการที่ป่าเถื่อน ก็ไม่สามารถทำให้ใครหดหัว เกรงกลัว จนไม่กล้าทำหน้าที่หรือต้องเปลี่ยนแปลงจุดยืนไป
องค์กรอิสระทุกแห่งประกาศอย่างแข็งกร้าว จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โดยไม่หวั่นไหวต่อภัยคุกคามทุกรูปแบบ
คุณหมอณรงค์ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่กลัวแล้ว ยังออกมาเรียกร้องให้ข้าราชการอย่ายอมรับอำนาจที่ไม่ชอบธรรมอีกด้วย
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นวีรบุรุษของข้าราชการในปัจจุบัน หลังถูกอำนาจเถื่อนคุกคาม กำลังใจหลั่งไหลมาล้นหลาม โดยเฉพาะบุคลากรในวงการแพทย์ ลุกฮือขึ้นมาสนับสนุนจุดยืนของหมอณรงค์
สิ่งที่คุณหมอณรงค์เรียกร้องคือ “ข้าราชการต้องทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ข้าราชการออกมาแสดงความคิดเห็น อย่ายอมรับอำนาจที่มิชอบ ให้อยู่ข้างความชอบธรรม ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจคือบ้านเมือง ไม่ใช่ตำแหน่งแล้ว หากเป็นปลัดไปพินอบพิเทาคนมีอำนาจ ก็ไม่รู้จะเป็นปลัดไปทำไม”
สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ คุณหมอณรงค์ระบุว่า สถาบันข้าราชการจะเป็นอีกเสาหลักในการดูแลประเทศ โดยข้าราชการไม่ใช่ลูกน้องของรัฐบาล แต่เป็นข้าราชการของประชาชน อย่าไปเกรงกลัว และเชื่อว่าข้าราชการระดับปฏิบัติการทุกคนพร้อม รอแต่หัวหน้าส่วนราชการเท่านั้น จึงเชิญชวนให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง กรมออกมาส่งสัญญาณว่า ประเทศนี้ควรแก้ไขอะไรบ้าง
การประกาศจุดยืนของปลัดกระทรวงสาธารณสุข คงจะเสียดแทงหัวใจของปลัดกระทรวงหลายคน โดยเฉพาะปลัดกระทรวงที่เป็นขี้ข้าระบอบทักษิณ ได้ตำแหน่งเพราะยอมก้มหัวรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
แต่ก็เป็นการจุดประกายสำนึกแห่งความรับผิดชอบของข้าราชการทั้งประเทศ ส่งสัญญาณให้รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการจะต้องพร้อมใจกันออกมาปกป้องบ้านเมือง ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลโกงร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ
ถึงเวลาที่ต้องประกาศให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์รู้ว่า อำนาจมืด ความป่าเถื่อน การใช้ความรุนแรงคุกคามข่มขู่ ไม่อาจสยบคนดีที่มีความรักชาติได้
อันธพาลที่ถูกส่งมาก่อกวน สร้างความปั่นป่วน รังควานคุกคาม ไม่ได้ทำให้ประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลทรราชเกิดความท้อถอย แต่กลับกล้าแกร่งขึ้น
และแทบจะทุกกลุ่มแล้วที่ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เสียดายที่การประกาศจุดยืนการเป็นข้าราชการที่ดี มีสำนึกในความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เป็นคุณหมอณรงค์
ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีความรู้สึกเดียวกับคุณหมอณรงค์ ออกมาประกาศจุดยืนเช่นเดียวกับคุณหมอณรงค์ ปัญหาของบ้านเมืองคงจะจบเร็วขึ้น
แต่ถึงพล.อ.ประยุทธ์จะสงวนท่าที ตีกรรเชียงอยู่ วางตัวไม่เอาใคร ก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะอยู่ได้
การปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาปฏิบัติการป่วน การส่งรัฐมนตรีออกมาเห่าหอน ขู่ว่าจะเกิดนองเลือดเป็นรายวัน การบงการให้อันธพาลเที่ยวยิงเอ็ม 79 คุกคาม เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายแล้ว
การขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ต้องใช้เวลา แต่ที่ผ่านมาเวลาไม่ได้สูญเปล่า เพราะประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านมีความแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่อำนาจของรัฐบาลอ่อนล้าลงเรื่อยๆ จนล่าสุดต้องขุดวีธีถ่อยเถื่อนมาใช้เพื่อปราบปรามประชาชน
แต่การคุมคามข่มขู่ ไม่อาจกดหัวฝ่ายที่เห็นต่างได้ เพราะไม่มีใครกลัว มีแต่กระตุ้นให้ฝ่ายที่เห็นต่างกล้าแกร่ง รวมตัวเป็นเอกภาพมากขึ้น และพร้อมเต็มที่ในการรุกไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
เริ่มนับถอยหลังรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้แล้ว ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทางรอด จะสั่งรัฐมนตรีขี้ข้ามาเห่าขู่จนน้ำลายฟูมปาก เหมือนสุนัขบ้าหน้าร้อน จะส่งอันธพาลมาก่อความรุนแรงเพื่อคุกคาม ก็ไม่มีใครกลัวแล้ว
ทุกฝ่ายพร้อมรบ พร้อมลุกฮือไล่ตะเพิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์เต็มที