“สุรชัย” งงรัฐบาลโยนเลขาฯ 2 สภาฯหาทางออกเปิดประชุมวุฒิสภา ยันตาม ม.132 เป็นหน้าที่ของวุฒิฯ ยกการเปิดประชุมปี 49 เป็นตัวอย่าง
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลระบุให้เลขาธิการวุฒิสภาไปหารือกับทางเลขาธิการสภาฯ เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับการเสนอเปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ หลังจากที่เลขาธิการสภาฯ ทำความเห็นขัดแย้งกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาในประเด็นเรื่องอำนาจหน้าที่ว่า ตนไม่ทราบ เพราะต้องว่าไปตามกฎหมาย หากเป็นประเด็นที่ระบุว่าต้องให้เลขาธิการวุฒิสภาไปคุยกับเลขาธิการสภาฯ ก็ต้องว่ากันไป
ทั้งนี้ ตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเลือกที่จะฟังเอกสารบางฉบับ แต่ไม่ฟังเอกสารบางฉบับ เมื่อบอกว่าเป็นปัญหาทางธุรการก็จะต้องให้ฝ่ายธุรการเป็นผู้แก้ เรื่องนี้ตนไม่ขอออกความเห็น แต่ในช่วงปี 2549 ที่มีการขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อแต่งตั้ง กกต.ระหว่างที่ไม่มีสภาผู้แทนราษฎร ระบบการธุรการเริ่มต้นด้วยเลขาธิการวุฒิสภาในสมัยนั้น ด้วยความเห็นชอบของเลขาธิการสภาฯ สมัยนั้น คือ นายพิฑูร พุ่มหิรัญ มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการรัฐสภาด้วย ได้เห็นชอบตรงกันหมดว่าการเปิดประชุมวุฒิสภา ตามมาตรา 168 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งก็คือมาตรา 132 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ดังนั้น ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ได้เกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2549 ถึง 3 ครั้ง โดย 2 สภาเห็นตรงกันหมดว่าให้ดูจากเนื้องาน และกรอบภารกิจว่าเป็นไปของสภาใด งานธุรการนั้นก็จะให้เลขาธิการสภานั้นเป็นผู้ดำเนินการ
“แต่มาถึงตอนนี้ ทำไมถึงบอกว่าสิ่งที่ทำในยุคนั้นไม่ถูก ผมก็ไม่เข้าใจ ชี้แจงไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องถามกลับไปว่าต้องเกิดอะไรขึ้น หากดูตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ที่ระบุว่า ในระหว่างที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง หรือสภาผู้แทนราษฎรนั้นถูกยุบจะมีการประชุมวุฒิสภามิได้ เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ 1. การแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 2. แต่งตั้งบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และ 3. การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นภารกิจของใคร จะให้ผมไปอธิบายในความเห็นของคนที่ผมเห็นว่าเป็นของคนที่มีความเห็นคิดไม่ถูกต้องผมก็ไม่สามารถอธิบายได้ ส่วนสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะโยนให้เป็นประเด็นที่เลขาฯ 2 สภาต้องไปทำความเข้าใจกัน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงคิดเช่นนั้น”
ส่วนจะฝากประเด็นอะไรให้ทางเลขาธิการวุฒิสภา เป็นแนวทางปฏิบัติในเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายสุรชัยกล่าวว่า ไม่ฝาก ขึ้นอยู่กับนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภาจะไปดำเนินการ ไม่ใช้หน้าที่ตน ตนมองว่าเราเถียงกันในประเด็นข้อกฎหมายจนจบแล้ว แต่ท้ายสุดก็มาหยิบประเด็นในขั้นตอนทางธุรการมาอีก คงไม่มีประเด็นที่จะฝากให้ฝ่ายธุรการไปปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสุรชัยได้ให้กับสื่อมวลชนแล้วเสร็จได้เข้าไปหารือกับนางนรรัตน์ที่ห้องทำงานโดยใช้เวลาในการหรือประมาณ 20 นาที จากนั้นนายสุรชัยได้กลับไปยังห้องทำงานโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมแต่อย่างใด ขณะที่นางนรรัตน์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดของการหารือเช่นเดียวกัน แต่ได้กล่าวย้ำว่ากรณีดังกล่าวก็ต้องยึดตามกรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
