เลขาฯ ป.ป.ช.ร่อนหนังสือโต้แถลงการณ์ ศอ.รส. ยันไต่สวนคดี “ยิ่งลักษณ์” ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ทำตามอำเภอใจ แม้ถูกข่มขู่จากบางกลุ่มก็ไม่ท้อ จวกแถลงส่อหมิ่นเหม่ทำคนเข้าใจว่าถูกแทรกแซงจากฝ่ายบริหาร และกดดดันการวินิจฉัยให้ไปตามที่ต้องการ
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสํานักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือชี้แจงความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ตามที่ศูนย์อํานวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 เรื่องข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ เพื่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมืองในขณะนี้ และได้มีข้อเรียกร้องถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการพิจารณาดําเนินคดีและมีคําวินิจฉัยต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในกรณีโครงการรับจํานําข้าวอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติเป็นสองมาตรฐานที่แตกต่างกันระหว่างคนของพรรคฝ่ายค้านกับพรรคฝ่ายรัฐบาล โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะต้องปฏิบัติตามจริยธรรมอันเป็นมาตรฐานสําคัญของการปฏิบัติหน้าที่ด้วยนั้น
สํานักงาน ป.ป.ช.ขอเรียนชี้แจงข้อมูลในกรณีดังกล่าวดังนี้ 1. การดําเนินการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ย่อมอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฯ มาตรา 3 วรรค 2 ที่ว่า “การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล รวมทั้งองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม” ซึ่งหมายถึงการไม่กระทําตามอําเภอใจ การใช้หลักเหตุผล หลักกฎหมายและหลักความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน โดยเคร่งครัดปราศจากอคติ แม้จะถูกข่มขู่ คุกคาม ก้าวร้าว และมีการกระทํารุนแรงจากบุคคลบางกลุ่ม คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่เคยท้อถอยและละทิ้งต่อการทําหน้าที่ตามหลักนิติธรรม
2. การที่ ศอ.รส.ได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าว นับว่าเป็นการหมิ่นเหม่ต่อการที่อาจทําให้สาธารณชนเห็นได้ว่ามีการแทรกแซงการทํางานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.จากฝ่ายบริหาร อันไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และกดดันให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัย หรือใช้ดุลพินิจไปในทางที่ฝ่ายบริหารต้องการ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ