“สุรพงษ์” แว้งใส่ “สุเทพ” สั่งดำเนินคดีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ฐานประกาศต้นเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ชี้มีความผิดไม่ต่าง “โกตี๋” ส่วนแก๊งแดงติดป้ายแบ่งแยกดินแดนแค่การประชดประชัน ไม่ถือเป็นการกบฏ อ้างอาจมีมือที่สามเข้ามาติดป้ายก็ได้ สั่งแกะเทปคำปราศรัยรัฏฐาธิปัตย์ของ “สุเทพ” ให้ปลัดอ่าน หวังเข้าใจสิ่งที่ กปปส.ต้องการ ปัดรังแก้ข้าราชการ
วันนี้ (11 เม.ย.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศตนเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ว่า ถือเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเหมือนกับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ตนในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.จะต้องเร่งดำเนินคดีด้วยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เช่นนั้น ศอ.รส.อาจถูกกล่าวหาได้ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น นายสุเทพจากเดิมที่มีข้อหากบฏอยู่แล้ว จึงจะเพิ่มความผิดในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปอีกหนึ่งข้อหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีคนเสื้อแดงติดป้ายแบ่งแยกดินแดนก่อนหน้านี้มีความคืบหน้าอย่างไร นายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีเสื้อแดงเป็นการประชดประชันที่มองว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขึ้นไปติดป้าย โดยตำรวจได้ดำเนินการตามที่ทหารได้มาแจ้งความไว้ซึ่งจะต้องติดตามจับกุมคนกระทำความผิดมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง
ส่วนการตั้งข้อหาของกลุ่มคนเสื้อแดงจะเหมือนข้อหากบฏของนายสุเทพที่ประกาศตั้งรัฏฐาธิปัตย์หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า นายสุเทพค่อนข้างจะชัดกว่าเพราะมีการประกาศบนเวทีปราศรัย แต่กลุ่มที่มาติดป้ายของคนเสื้อแดงยังตามหาคนติดป้ายไม่ได้ และไม่รู้ว่าเป็นมือที่ 3 นำมาติดหรือไม่ จึงต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงกันต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายสุเทพประกาศจะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนถอยหนีกันหมดเพราะเห็นว่าผิดจริง แม้นายสุเทพจะแก้เกี้ยวว่าเป็นการตั้งสมมติฐาน แต่ใครที่ฟังนายสุเทพพูดจะชัดเจนว่าไม่ได้เป็นการตั้งสมมุติฐานเลย แต่พูดด้วยความจริงจังและน้ำตานองหน้า จะดีใจหรือเสียใจตนไม่ทราบ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้สังคมกระจ่างคือนายสุเทพต้องการเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ส่วนที่กองทัพระบุว่านายสุเทพยังไม่ได้ปฏิบัติจึงยังไม่มีความผิดนั้นไม่จริง เพราะถือว่าประกาศชัดเจน แต่ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไรจะต้องจับตัวนายสุเทพมาให้ได้ก่อน เนื่องจากมีความผิดชัดเจน นายสุเทพต้องรับในสิ่งที่ตนเองพูด เป็นลูกผู้ชายพูดอะไรแล้วต้องรับ ถ้าไม่รับในสิ่งที่ตนเองพูดไม่ใช่ผู้ชาย
สำหรับความคืบหน้าในการจับกุมนายโกตี๋ หลังมีข่าวว่าออกนอกประเทศไปแล้วนั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจยังติดตามอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องติดตามจับกุมให้ได้ ที่ผ่านมาได้กำชับมาโดยตลอด รวมถึง “นายตั้ง อาชีวะ” ด้วย หากมีหลักฐานชัดเจนต้องดำเนินการ เพราะนายกฯ กำชับแล้วว่าต้องจับกุมผู้กระทำความผิด ไม่ทำสองมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กำชับว่าจะต้องดำเนินคดีไปถึงผู้สนับสนุนนายโกตี๋ด้วย นายสุรพงษ์กล่าวว่า ต้องหาข้อเท็จจริงทั้งหมด ใครกระทำความผิดต้องจับกุม บ้านเมืองมีกฎหมายทุกคนต้องเคารพ แต่กฎหมายต้องใช้ให้เกิดความเป็นธรรม อย่าใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน อยากเห็นประเทศไทยเดินด้วยกระบวนการยุติธรรมจริงๆ
เมื่อถามว่า หากนายโกตี๋หนีออกนอกประเทศจะสามารถติดตามจับกุมได้หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า จะต้องดำเนินการ โดยเราสามารถประสานกับประเทศที่มีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนหากหนีไปกัมพูชาจะสามารถจับกุมได้หรือไม่นั้น นายสุรพงษ์กล่าวว่า หากมีข้อตกลงร่วมกันเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ต้องติดตามว่าเขาหนีไปที่ไหนให้ได้ก่อน ซึ่งจะดำเนินการโดยเร่งด่วน
นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงการเรียกประชุมปลัดกระทรวงในวันที่ 17 เม.ย.นี้ว่า 5 - 6 เดือนที่ผ่านมา นายสุเทพไปปิดสถานที่ราชการจนข้าราชการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการจะต้องคิดได้ว่าสิ่งที่ กปปส.ทำนั้นมีจุดมุ่งหมายอะไร โดยเฉพาะการที่นายสุเทพประกาศรัฏฐาธิปัตย์ ดังนั้น วันที่ 17 เม.ย.นี้ จะเป็นการชี้แจงให้ข้าราชการเข้าใจ เพราะบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ จะได้เข้าใจในสิ่งที่นายสุเทพต้องการ โดยจะแกะเทปคำปราศรัยที่นายสุเทพพูดมาแจกให้ข้าราชการได้ฟัง สงกรานต์ถือว่าเป็นปีใหม่ของไทยอยากให้ข้าราชการทำหน้าที่ของตนเองให้ประเทศเดินหน้าไปได้ วันนี้จะปล่อยให้กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาทำความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและบ้านเมืองไม่ได้ การจะมาทำความเสียหายอย่างนี้ต้องได้รับการประณาม
ประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.กล่าวว่า ข้าราชการที่มาให้การต้อนรับนายสุเทพ หรือมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยก่อนหน้านี้อาจจะมองได้ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราให้อภัย แต่กรณีคนที่ชัดเจนจะแจ้งให้ทราบว่าการที่ไปชุมนุมนอกเวลาราชการรัฐบาลไม่เคยว่า แต่อย่าเอาเวลาราชการไปร่วมชุมนุม หรือมาสนับสนุนนายสุเทพและพวกจนออกนอกหน้า เพราะนายสุเทพและพวกไม่มีงาน เขามีเงินใช้จ่ายในการชุมนุมประท้วง แต่ข้าราชการทุกคนกินเงินเดือนและภาษีราษฎร ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง อยากให้ทุกคนที่คิดไม่ดีให้ทิ้งไปในปีใหม่ไทยนี้ ตอนนี้เราแย่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว อยากให้ช่วยกันสร้างประเทศให้กลับมาเหมือนเดิม หวังว่าข้าราชการจะเข้าในสิ่งที่ตนชี้แจง ข้าราชการคนไหนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเรียกมาตักเตือนจะเหมือนว่าเป็นการรังแกข้าราชการหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนไม่เคยรังแก และไม่เคยก้าวล่วงข้าราชการ แต่ข้าราชการทุกคนต้องตระหนักในหน้าที่ของตนเอง