ศอ.รส.หวั่นแกนนำ กปปส.-แก๊งแดง ปลุกระดมดึงคนร่วมชุมนุมหลังสงกรานต์ทำสองฝ่ายเผชิญหน้านำไปสู่เหตุร้าย เร่งเอาผิด “สุเทพ-แกนนำ กปปส.” อ้างเจตนาล้มล้างการปกครอง ประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ฟันธง คปท.ยิงทหาร ด้าน “เต้น” รับคำท้า “เทือก” ประชันมวลชน ม็อบใครน้อยต้องยุติการเคลื่อนไหว
น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ที่ประชุมคาดว่าช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์อาจจะมีการชุมนุมใหญ่เกิดขึ้นอีก จึงจะบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือน เพื่อดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมายเช่นเดียวกับการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ศอ.รส.มีความห่วงใยอย่างยิ่ง เพราะแกนนำทั้งสองฝ่ายพยายามจะปลุกระดมให้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก และมีลักษณะท้าทายแข่งขันกัน ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุของการปะทะหรือเผชิญหน้า รวมถึงการก่อเหตุร้าย จึงจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และวางแผนป้องกันเหตุร้ายแรงอย่างดีที่สุด
น.ส.สิริมากล่าวว่า ส่วนเหตุร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา บริเวณซอยลิขิต ใกล้เคียงกับการชุมนุมของกลุ่ม คปท. เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความเรียบร้อยนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าแนววิถีกระสุนเป็นการยิงมาจากแนวบังเกอร์ของกลุ่ม คปท. จากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คปท. ซึ่งเป็นเครือข่ายของ กปปส.ได้ใช้ความรุนแรงตลอดเวลา และไม่มีการละเว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จึงสมควรถูกประณามเป็นอย่างยิ่ง
น.ส.สิริมากล่าวอีกว่า ศอ.รส.ได้นำเอาพฤติการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่ปราศรัยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา มีใจความสำคัญว่า “คราวนี้จะยึดอำนาจประเทศไทย เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยตั้งแต่การประกาศยุบสภา ดังนั้นจึงมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของประชาชน” และยังกล่าวด้วยว่า “จากนั้นจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีของประชาชน และผมจะนำรายชื่อนายกรัฐมนตรี และครม. กราบบังคมทูลเกล้าฯ โดยผมจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ฐานะเป็นร่างทรงของประชาชน จากนั้นจะตั้งสภานิติบัญญัติของประชาชน และรีบปฏิรูปประเทศตามพิมพ์เขียวที่ได้มีการระดมความคิดไว้ก่อนหน้านี้”
ทั้งนี้ ศอ.รส.พิจารณาถ้อยคำดังกล่าวประกอบกับพฤติการณ์อื่นๆ แล้ว เห็นชัดเจนว่านายสุเทพกับพวก มีเจตนากระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และยังเป็นการแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งในองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ศอ.รส.จึงกำชับให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษนำถ้อยคำและพฤติการณ์ของนายสุเทพกับแกนนำคนอื่นๆ ที่ได้ร่วมประชุมและมีมติประกาศแก่ประชาชนดังกล่าว มาเป็นส่วนหนึ่งของพยานหลักฐานในการดำเนินคดี และเร่งรัดดำเนินคดีต่อนายสุเทพ และแกนนำ กปปส.รวม 58 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่นๆที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน เช่น การขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการ โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ และข้อหาอื่นๆตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 215 และ 216 ไว้แล้ว”
น.ส.สิริมากล่าวว่า นอกจากนี้ ศอ.รส.มีความกังวลอย่างยิ่งว่า คำพูดดังกล่าวของนายสุเทพกับพวกจะสร้างความขัดแย้งมากขึ้น เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงและการเผชิญหน้าได้จึงขอเรียกร้องไปยังหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมาบนหลักความยุติธรรม เพื่อลดความขัดแย้งวุ่นวายที่เกิดขึ้น และทำให้ประเทศชาติกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า แม้กลุ่ม กปปส.จะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นวันเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุม ยืนยันว่า จะไม่ให้กลุ่มคนทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างแน่นอน
นายณัฐวุฒิยังรับคำท้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. แต่จะไม่เอาประเทศเป็นเดิมพัน โดยยืนยันว่าหากฝ่ายใดมีมวลชนมากกว่า อีกฝ่ายหนึ่งก็ควรยุติบทบาทในการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม อยากฝากถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ถึงท่าทีและความชัดเจนที่จะมีออกมา เนื่องจากท่าทีของผู้บัญชาการทหารบก จะมีผลสำคัญต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้