สะเก็ดไฟ
ชุมนุมแสดงพลังเสร็จสิ้นกันไปเรียบร้อย สำหรับ นปช.พันธุ์ถ่อยแดงเผาเมือง ปลุกประโลมนัดหมายกันอีกครั้งช่วงหลังสงกรานต์ นัดเอาวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยสถานภาพนายกฯ ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรงกับวันเดียวกันที่ “กำนันสุเทพ” ประกาศนัดหมายหวาดเสียวเกมตะลุมบอน!!
แกนนำคนเสื้อแดงรวมทั้งเครือข่ายพรรคเพื่อไทย ที่มีนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร เป็นนายใหญ่มีความคิดความเชื่อฝังหัวว่าบ้านนี้เมืองนี้ต้องปกครองด้วยระบบการเมืองเสียงข้างมากปกครองด้วยระบบสภา เมื่อยึดกุมสิ่งเหล่านี้ได้แล้วก็จะทำอะไรก็ได้
ไม่เคยมองว่าบ้านเมืองต้องปกครองด้วยหลักกฎหมาย ที่มี “รัฐธรรมนูญ”เป็นกติกาสูงสุดปัญหามันจึงขบเหลี่ยม เพราะแนวคิดแบบเข้าใจผิด คิดแต่พวกกูของกูแบบนี้!!
วันนี้แนวทางของคนเสื้อแดงชัดเจน ไม่ยอมรับคำตัดสินขององค์กรอิสระไม่เอาทั้ง ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมรับแนวทางขององค์กรตามรัฐธรรมนูญนั่นก็เท่ากับเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกัน
เป็นตลกร้ายที่ขำไม่ออกที่ผ่านมาเมื่อมีคำตัดสินใดออกจากองค์กรอิสระที่ชิงชังมากแค่ไหนว่าฝ่ายตัวเองไม่ผิด ก็จะเออออห่อหมกหนำซ้ำยังสรรเสริญเยินยอ แต่ขี้คร้านพอตัดสินไม่เป็นคุณรู้ตัวว่าจะต้องโดนลงดาบจากความชั่วของตัวเองก็ทุรนทุรายเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกแบบที่เป็นอยู่นี้แล้วก็ขู่ฮึ่มฮั่มจะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายเสียแล้ว อันธพาลชัดๆ
บ้านเมืองมันจะอยู่ได้อย่างไรถ้าคิดกันในมิติถ่อยๆ แบบนี้!!
คนเสื้อแดงแสดงออกให้เห็นถึงความกร่างกร้าว ผสมด้วยความโรคจิตเที่ยวท้าม็อบฝ่ายตรงข้ามอย่าง กปปส.ทุกเช้าค่ำว่าให้ขนคนออกมาวัดกันว่าใครเยอะกว่ากันเหมือนพวกวิปริตชอบโชว์ของท้าวัดขนาด
ความจริงจำนวนคนไม่เกี่ยวว่าจะมาเป็นแสนเป็นล้านขอเพียงมีพวกโจรติดอาวุธสัก 1,000-2,000 คน ก็ฉิบหายแล้ว และดูเหมือนว่าเสื้อแดงกำลังทำกันอยู่ฝึกซ้อมหน่วยรบติดอาวุธกันออกนอกหน้ามันบ้ากันไปแล้ว
สำรวจตรวจตราฝ่ายถือกฎหมายดูแลความมั่นคงตอนนี้แล้วก็ว้าเหว่ใจ ตำรวจก็เฉยเมยปล่อยวางม็อบอาละวาดเต็มที่ทหารก็ทำเหมือนธุระไม่ใช่ ตำรวจระดับบิ๊กเป็นขี้ข้าฝ่ายรัฐบาลไปหมดแล้วไปนั่งประชุมสุมหัวกันทุกวันที่ ศอ.รส.แทนที่จะวางแผนจัดการบ้านเมืองให้สงบกลับไปวางแผนร่วมกับรัฐบาลตีโต้ กปปส.หมดหวังกับหน่วยงานสีกากี
ฝ่ายทหารสีเขียวก็ออกอาการแปลกแปล่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผบ.ทบ.หลุดถ้อยคำให้คนนินทาหมาดูถูก เหมือนเป็นลูกจ้างพนักงานบริษัทคำๆ นี้ใช้กันในหมู่ลิ่วล้อขี้ข้าอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เหตุไฉนเบอร์ 1 กองทัพบกจึงเอามาพูดให้เป็นเสนียดปาก
ก็ต้องถาม “บิ๊กตู่” ให้ชัดๆ ว่าจะยอมเป็นยามเฝ้าบริษัทชินวัตรจริงหรือไม่
คำถามที่ “ไอ้เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.จอมตลกโสโครก แทงมาถึง “บิ๊กตู่”ว่าจะจัดการกับสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ประกาศตั้งรัฏฐาธิปัตย์ อย่างไรจะยอมรับได้หรือไม่ ขอให้ถามกลับไปก่อนว่า แล้วไอ้ที่ทักษิณ และคนเสื้อแดง ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมรับคำตัดสินของ ป.ป.ช.จะให้กองทัพทำอย่างไร
เสื้อแดงเตรียมจะปฏิบัติการเผาเมืองอีกครั้งแล้วใช่หรือไม่“บิ๊กตู่”กับกองทัพต้องออกมาบอกด้วยว่าจะจัดการเรื่องนี้แบบไหน!!!
น่าสนใจ และน่าหวั่นใจเหลือเกินว่าสงครามกลางเมืองกลียุคจะกำลังมาถึงแล้ว สัญญาณที่ม็อบทั้ง 2 ฝ่ายนัดชุมนุมวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยความเป็นนายกฯของยิ่งลักษณ์สืบเนื่องการโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.อย่างไม่เป็นธรรมเหมือนเป็นการนัดดวลเปิดศึก ประจัญบาน
จับอาการมันเหมือนก่อนการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 ไม่กี่วัน ทหารก็ได้รับสัญญาณแบบนี้ จึงตัดไฟต้นลมยึดอำนาจไม่ให้มวลชนปะทะกัน ฤาว่าคราวนี้อาจจำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไม่??
น่าสงสัยว่าทำไมเสื้อแดงจึงตัดสินใจเดินเกมแบบนั้นไม่รอให้ กปปส.ชุมนุมไปก่อน ไม่รอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไปก่อนกลับเลือกที่จะเปิดหน้าท้าชน นัยหนึ่งมันก็สอดรับกับข่าววงในที่ทั้งนักโทษหนีคดีทักษิณ รวมทั้ง นายกฯยิ่งลักษณ์ปูกรรเชียงอยากให้กระดานการเมืองมันจบๆ ลงไปด้วยน้ำมือฝ่ายทหาร ปฏิวัติให้มันสิ้นซากเพราะถึงอย่างไรก็ต้องกลับมาเลือกตั้งใหม่อยู่ดี
ยอมจำนนต่อทหารแบบฝืนใจดีกว่ายอมแพ้ให้ กปปส.ประชาธิปัตย์ คู่อาฆาต!!
หากให้ฝ่าย กปปส.และประชาธิปัตย์ รวมทั้งเครือข่าย เอาอำนาจรัฐไปบริหารจัดการย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเป็นแน่แท้ จะมีการไปร่างกติกาสกัดกั้นฝ่ายทักษิณและเครือข่าย ถึงขั้นล่มจมเล่นการเมืองไม่ได้อีก เพราะจะโดนเล่นงานแบบสุดโต่งแน่
แต่ถ้าให้ฝ่ายทหารไปทำเรื่องนี้แล้วให้คนเสื้อแดงออกมากดดัน ปลุกเร้าประชาชนมาจับตาฝ่ายทหารย่อมทำให้ฝ่ายทหารกริ่งเกรงไม่กล้าทำอะไรสุดโต่งเกินไป บทเรียนจากการปฏิวัติปี 2549 มีมาแล้ว คนกระหน่ำซ้ำเติมว่าปฏิวัติแล้ว “เสียของ”บ้านเมืองไม่เดินหน้า ล้าหลังลงคลอง
ยิ่ง “บิ๊กตู่” ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จะเกษียณในปีนี้แล้ว ทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี เพราะมันจะมีผลผูกพันไปจนตาย จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวีรชน หรือเป็นคนบาปก็ต้องตัดสินกันคราวนี้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นชัดๆ “สนธิ บุญยรัตกลิน” สุดท้ายก็ไม่มีอะไรควรค่าแก่การจดจำ
กลายเป็นนักการเมืองที่รับใช้รับงาน รับจ๊อบ!!!