xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิรูปส่อเหลว ฝ่ายการเมืองเปิดเจรจาก่อนลงสนามเลือกตั้ง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

จะเป็นเพราะการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่นำโดย กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เริ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่ ยังไม่อาจเดินหน้ามากไปกว่านี้ เพราะยังไม่อาจเดินไปสู่จุดชี้ขาด เพราะยังติดหล่มกับผู้นำกองทัพบางคน ไม่อาจก้าวข้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกที่เป็นตัวแทนของ “กลุ่มบูรพาพยัคฆ์” อันทรงอิทธิพลในกองทัพเวลานี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้นำของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยัง “ขอกันได้” และส่วนใหญ่ฝ่ายหลังจะขอมากกว่า และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงบูรพาพยัคฆ์ก็ต้องพูดถึง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ และ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา โดยเฉพาะพี่ใหญ่คือ พล.อ.ประวิตร ที่ถูกพูดถึงตลอดเวลา ล่าสุดก็ถูกดักคอจากฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็น “ตัวเต็ง” สำหรับนายกฯ คนกลาง แม้ว่าคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้จะไม่มีราคา แต่งานนี้ถือว่าเป็นการ “รับงานมาพูด” แม้ว่าจะเป็นการ “ดักคอ” แต่มันก็แฝงมาด้วยเจตนาเรื่องการ “เจรจา” เหมือนกัน อย่างน้อยก็ส่งสัญญาณออกมาให้เห็นว่าหากจำเป็นต้องมี “นายกฯ คนกลาง” จริงๆ เขา “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ต้องเห็นชอบด้วย แม้ว่าบุคคลที่จุดพลุขึ้นมานับสิบคนอาจยังไม่ใช่ หรือยังไม่ผ่านการต่อรอง ยังไม่โอเค แต่เชื่อเถอะของแบบนี้คุยกันได้ไม่ยาก

ขณะเดียวกัน ให้สังเกตท่าทีแปลกๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะคำพูดของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ที่เรียกร้องให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.เจรจากับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้ว่าจะเรียกร้องให้ทั้งคู่เจรจาทางทีวี ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของสุเทพก่อนหน้านี้ แต่สำหรับอภิสิทธิ์ น่าจะมีความหมายจริงจัง นั่นคือ “เจรจา” เพื่อนำไปสู่สถานการณ์เลือกตั้งต่อไป โดยพรรคประชาธิปัตย์สถานการณ์ที่เป็นอยู่ถือว่าการเมืองเริ่มสูสีมากขึ้น อย่างน้อยมี “ช่องว่างน้อยลง” แล้ว มั่นใจว่าหากแพ้ก็คง “ไม่ขาด” เหมือนก่อน ยังพอลุ้นดึงพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งเชื่อว่าพรรคพวกนั้นก็น่าจะแฮปปี้ ถามว่าคนอย่าง บรรหาร ศิลปอาชา จะยึดมั่นอยู่พรรคเพื่อไทยตลอดไปอย่างนั้นหรือ รับรองว่าไม่มีทางแน่นอน เพราะมีอำนาจต่อรองสูงกว่าอยู่ใต้ร่มเงาของพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ชินวัตร โดนบีบจนไร้ความหมาย

อีกด้านหนึ่ง หากพิจารณาจากสถานการณ์ความเป็นจริงว่าสาเหตุที่การชุมนุมของมวลมหาประชาชนในชื่อของ กปปส.ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้มากกว่านี้ จนไม่อาจเผด็จศึกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตร ลงได้ ก็เพราะผู้นำกองทัพ “วางเฉย” โดยเฉพาะผู้นำกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ที่เล่นบท“ลอยตัว” เพื่อสร้างพลังต่อรองให้กับตัวเองให้มากที่สุด แม้ว่ามวลมหาประชาชนที่ออกมาคราวนี้จะมากมายนับหลายล้านคนเป็นสถิติบันทึกเป็นประวัติศาสตร์เพียงใดก็ตาม แต่หากผู้นำกองทัพที่มีอำนาจชี้ขาดในขั้นสุดท้ายไม่ออกมาร่วมกับประชาชน มันก็จบไม่ลง และยืดเยื้อจนอ่อนแรงไปทุกฝ่าย

ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ผู้นำกองทัพสามารถที่จะเลือกเล่นบทบาทไหนก็ได้ที่ทำให้ตัวเองเปลืองตัว อย่างน้อยก็ประคองตัวไปจนถึงเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ขณะเดียวกัน หากย้อนกลับไปพิจารณาคำพูดใน “คลิปถั่งเช่า” มันก็พิสูจน์ชัดแล้วไม่ใช่หรือว่า ทักษิณ ไว้ใจ “ไอ้ตู่” มากที่สุด และหากทำตัวดีก็จะมีงานให้ทำหลังเกษียณ และอย่าประมาทเป็นอันขาด เขาอาจจะเป็น “คนกลาง” ก็เป็นได้ เพราะ“ขอกันได้” ทั้งสองฝ่าย หรือไม่ขี้หมูขี้หมาอาจโผล่เข้ามาเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลขัดตาทัพก็ได้ อย่ามองข้ามเป็นอันขาด

ด้วยปัจจัยและสถานการณ์ความเป็นไปดังกล่าวมาทั้งหมด มันก็ช่วยไม่ได้ที่มันทำให้เกิดความ “อึดอัด” บอกไม่ถูก แต่ขณะเดียวกันมันทำให้เส้นทางปฏิรูปที่เคยหวังเอาไว้มาตั้งแต่ต้นเริ่มหดแคบลงทุกขณะ แต่อีกด้านหนึ่งหากมองในแง่ดีแบบเข้าข้างตัวเองก็ต้องบอกว่าการปฏิรูปได้เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นตั้งแต่มวลมหาประชาชนทั่วประเทศ “ตื่นรู้” และร่วมกันเดินออกมานับหลายล้านคน เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่เอารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เอาคนในตระกูลชินวัตร ซึ่งเชื่อว่าชาวบ้านที่ร่วมกันสู้เหล่านี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดแน่นอน และความตื่นรู้แบบนี้แหละมันเป็น“กระแสปฏิรูป” ที่ร่วมกัน “ตรวจสอบ” การเมืองในอนาคตอย่างเข้มข้น ไม่ว่าใครก็ตามมาเป็นรัฐบาล มันไม่หมูเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

ถ้ามองในแง่ดี แบบนี้ก็มองได้ ที่เหลือก็ว่ากันไป สู้ให้เต็มที่ได้แค่ไหนก็แค่นั้น!!

กำลังโหลดความคิดเห็น