xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” วอนคู่ขัดแย้งเสียสละบ้าง ทุกอย่างจะจบ ต้องถอยฟัง กม. ปัดใช้กฎอัยการศึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.เรียกร้องคู่ขัดแย้งเสียสละ ยอมถอยบ้าง ทุกอย่างจะสงบ บ้านเมืองเดินหน้าได้ เชื่อสู้บนถนนไม่มีวันจบ ต้องถอยมาฟังกฎหมาย จี้ “กปปส.-แก๊งแดง” คุมม็อบให้อยู่ อย่ายั่วยุจนเกิดการปะทะ พร้อมตั้งจุดตรวจรอบม็อบแดง ขณะเดียวกันวอนหยุดอ้างศาลไม่เป็นธรรม อย่าคิดทหารมีอำนาจนอกระบบ ขอเลิกเอาแต่ใจ ใช้คนหมู่มากตัดสิน ติงคนไทยเหมือนศิลปิน ใช้แต่อารมณ์เป็นหลัก ยันไม่ใช้ยาแรงประกาศกฎอัยการศึก บอกหากคนไข้ดื้อยาอะไรก็เอาไม่อยู่ พร้อมสั่งสอบคดีตำรวจบุกจับทหารจนเสียชีวิตทำเกินกว่าเหตุหรือไม่



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะนัดชุมนุมใหญ่ว่า หากไม่มีการทำผิดกฎหมายก็สามารถชุมนุมได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ แต่มองว่าทั้งสองฝ่ายมีการทำผิดด้วยกันทั้งคู่ ส่วนที่กังวลว่าจะมีการปะทะกันนั้น แกนนำทั้งสองฝ่ายจะต้องควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในกรอบ และไม่ให้มีการเผชิญหน้าหรือการปะทะกัน รวมถึงการใช้อาวุธต่อกัน แต่วันนี้แกนนำยังไม่สามารถควบคุมตรงนี้ได้ และสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งผู้ที่บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่มาร่วมชุมนุมของทั้งสองฝ่าย เพราะต่างเชื่อมั่นว่าฝ่ายตัวเองถูกต้องและชอบธรรม ถือว่าเป็นความคิดที่บริสุทธิ์ของประชาชน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับแกนนำ ผู้รักษากฎหมายว่าจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นจะต้องเพิ่มจุดตรวจความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าว่า ถือว่า มีความจำเป็นที่ต้องคงไว้ ส่วนจะเพิ่มหรือไม่ต้องดูที่เหตุการณ์ หากมีเหตุการณ์รุนแรงมากก็จัดเพิ่มมากขึ้น โดยการขออนุมัติจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส) เพราะกองทัพบกมีตัวแทนเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรมว.กระทรวงแรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. ได้ชมเชยว่าการตั้งจุดตรวจความมั่นคงได้ผลในการลดความรุนแรงได้มาก และไม่ได้บอกว่าจะให้ลด แต่อยากให้มีการปรับแก้ให้เข้ากับสถานการณ์ ปรับกำลังไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุ กองทัพบกยังเป็นกองทัพของประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม เรามีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย หากกลุ่ม นปช.ชุมนุมเราก็ต้องตั้งจุดตรวจรอบผู้ชุมนุมเหมือนกัน อยากขอร้องถึงท่าทีและการแสดงออก อยากให้อยู่ในกติกา ไม่ใช้ความรุนแรง ประชาชนอย่าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย

ส่วนการดูแลศาล และองค์กรอิสระนั้น ได้มีจุดตรวจและปรับตามความเหมาะสม พร้อมประสานกับตำรวจในการป้องกันสถานที่ราชการทั้งศาล และ ป.ป.ช. รวมถึงตั้งจุดตรวจค้นอาวุธสงคราม ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมอาวุธนั้น เป็นกำลังพลที่ถืออาวุธส่วนตัวเข้าไป ไม่ได้นำมาจากคลังทหาร หากถูกจับก็ต้องถูกดำเนินคดีในคดีพกพาอาวุธปืน ถือเป็นเรื่องส่วนตัว

ส่วนที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่ากองทัพไม่ดำเนินการต่อผู้จาบจ้วงสถาบัน และจะยื่นคำร้องต่อสำนักงานการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดต่อ ผบ.ทบ.ฐานละเว้นการปฏิบัติที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางกองทัพบกได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว และตำรวจออกหมายเรียกแล้ว ทหารไม่สามารถออกมาจับกุมหรือปิดเว็บไซต์ได้ เราดำเนินการทุกคดีที่มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมีคณะทำงานทำมาตลอด อย่าคิดว่าทหารมีอำนาจนอกระบบมากมาย มีอาวุธแล้วทำได้ทุกอย่าง หากทหารทำเกินกว่าเหตุถือว่าผิด อย่าเอาแต่ใจ เพราะจะติดเป็นนิสัยว่า อะไรก็ใช้คนหมู่มาก ใช้ความรุนแรง ต้องบังคับใช้กฎหมายให้ได้ แล้วคนบังคับใช้กฎหมายต้องทำให้ชอบธรรม และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้ได้มีโอกาสโต้แย้ง

“อย่าลงความเห็นว่าสิ่งไหนผิดหรือถูกด้วยตนเอง อย่าตัดสินทุกอย่างด้วยความรู้สึก ถ้าผมตัดสินด้วยความรู้สึกคงอยู่ไม่ได้ถึงทุกวันนี้ ต้องโกรธ โมโหหรือใช้อำนาจในทางที่ผิด วันนี้ผมต้องมีสติ มีข้อมูล มีคณะทำงานติดตาม ถ้าคนไทยทุกคนยอมให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แล้วทุกคนไม่ฝ่าฝืน กฎหมายจะเป็นกฎหมาย แต่วันนี้ใช้กฎหมายเล่นงานอีกฝ่ายหนึ่ง และใช้กฎหมายมาสู้กัน แล้วถามว่ากฎหมาย องค์กรต่างๆ ศาลได้รับการยอมรับหรือไม่ ก็มองว่าเอียงข้างไปหมด ถ้าตัดสินเข้าข้างตัวเองก็ดี แต่ถ้าไม่ถูกใจตัวเองก็บอกเอียงข้าง แล้วใครจะตัดสินอะไรได้ เราต้องอาศัยกลไกทางกฎหมายให้ได้ แล้วทุกคนกลับมาเคารพกฎหมาย ศาลตัดสินอย่างไรต้องมาต่อสู้ทางคดีกัน คดีมีตั้งกี่แสน กี่ล้านคดี ทุกคนบอกศาลไม่เป็นธรรมหมดจะได้หรือไม่ ถ้าสู้กันบนถนนไม่มีวันจบ กฎหมายตัดสินให้ไม่ได้ พอตัดสินไปต้องมีข้างหนึ่งชนะ ข้างหนึ่งแพ้ เพราะศาลต้องตัดสินตามครรลองตัวบทกฎหมาย”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เสื้อแดงกดดันให้ทหารประกาศกฎอัยการศึกนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎอัยการศึกมีไว้เพื่อระงับเหตุร้าย จลาจล ตนไม่อยากจะให้ใช้ยาแรง แต่ถ้าคนไข้ดื้อยา ยาอะไรก็เอาไม่อยู่ ต่อให้มีร้อยกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อฟังกฎหมาย ต้องถอยกลับมาฟังกฎหมายแล้วสู้กันตามนั้น ถ้าไม่เอากฎหมายเป็นหลักแล้วจะสู้กันด้วยคนหมู่มากหรืออย่างไร จะให้เป็นเหมือนสมัยอดีตที่รบกัน ใครมีกำลังมากกว่าก็ชนะหรือไม่

“คนไทยเป็นคนสบายๆ เป็นคนที่ค่อนข้างศิลปิน ใช้อารมณ์เป็นหลัก ตัดสินอะไรง่ายๆ จะรัก ชอบหรือเกลียดใครก็ไม่นาน อย่างนี้ต้องมีหลักการของตัวเอง ต้องมีวิสัยทัศน์ไปข้างหน้าว่า ประเทศชาติจะเดินได้อย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร ใครจะเป็นผู้เสียสละ ใครจะเป็นผู้ยอมเล็กน้อยเพื่อให้ได้ความสงบสุขคืนมา แต่ผมไม่รู้ว่า ใครจะต้องเป็นคนเสีย และใครเป็นคนยอม ถ้าคิดว่า เสียเปรียบหรือพ่ายแพ้ไม่มีวันจบ แต่ถ้าคิดว่าเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็คือ เหตุการณ์จบแล้วค่อยไปแก้กันต่อ ดีกว่าเอามายันกันอย่างนี้ ถ้ารบกันทั้งสองฝ่ายเจ็บตายทั้งคู่ และจะไม่มีใครได้อะไร ไม่มีใครชนะ บ้านเมืองก็นิ่งสนิทอยู่แบบนี้”

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมทหารในค่ายนวมินทร์ จ.ชลบุรี จนทำให้ทหารเสียชีวิต 1 นายว่า ต้องไปตรวจสอบว่าเขาถูกยิงด้วยอะไร แต่มีสาเหตุอยู่ ซึ่งอาจจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย และต้องไปดูว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาเขาก็ดูแลอยู่แล้ว ต้องยอมรับว่าคนมีทั้งดีและไม่ดี เราก็พยายามกำจัดคนไม่ดีออกจากกองทัพให้มากที่สุด แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องก็มาติดอยู่ที่งานอื่นๆ ทำให้เรื่องการปราบปรามยาเสพติดลดลงไป โจรผู้ร้ายเพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น