“อำมาตย์เต้น” ยันปูดชื่อนายกฯ คนกลางเหมาะแล้ว อ้าง กปปส.หวังสถาปนาอำนาจรัฐใหม่ มี รบ.นอก รธน.ไม่ผ่านเลือกตั้ง ยันชื่อที่เผยทาบทามแล้วเจ้าตัวไม่พอใจพร้อมรับผิดชอบ ชี้ “อภิสิทธิ์” ดิ้นเป็นนายกฯ ไม่อยู่ในแคนดิเดต ฟันธง เม.ย.ลุยแผนตั้ง รบ.ใหม่ บอกสาวกไม่ยอมนายกฯ เถื่อน แหลไม่คิดเผชิญหน้ารุนแรง พรุ่งนี้ผุดชื่อหนุน กปปส.มีตำแหน่ง รบ.ใหม่ต่อ ชี้ไม่ขวางเลือกตั้งคือทางออก ป้องไม่มีใครอยากทำร้ายพระ
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวชี้แจงกรณีที่ออกมาเปิดเผย 10 รายชื่อผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางของ กปปส.ว่า ส่วนตัวเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะให้ประชาชนได้พิจารณารายชื่อบุคคลต่างๆ ที่กลุ่มของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และเครือข่ายเบื้องหลัง ได้เจรจาทาบทามจัดเตรียมเอาไว้ เนื่องจากปลายทางสุดท้ายการเคลื่อนไหวของ กปปส.คือการสถาปนาอำนาจรัฐขึ้นมาใหม่ให้มีรัฐบาลนอกรัฐธรรมนูญ มีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมาจากนอกกติกาไม่ผ่านการเลือกตั้งของประชาชน ที่ผ่านมา กปปส.ปิดบังอำพรางไม่ยอมเปิดเผยต่อประชาชนว่า คนที่เตรียมไว้หรือกระบวนการที่จะได้มาซึ่งนายกฯและรัฐบาลใหม่เป็นอย่างไร ก็เป็นหน้าที่ของตนที่ทวงถามความเป็นให้ประชาชน นำรายชื่อบุคคลต่างๆมาเปิดเผยเพื่อประกอบการพิจารณา
“ยืนยันว่าหลายคนในจำนวนที่ผมพูดได้มีกลุ่มของสุเทพและเครือข่ายได้เจรจาทาบทามกันบ้างแล้วก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะไม่มีท่าทีขานรับออกมาทางสาธารณะ แต่เมื่อปรากฏความเคลื่อนไหวดังกล่าว คิดว่าถึงเวลาที่ต้องสื่อสารทางสังคม โดยไม่มีเจตนาไปรุกล้ำหรือทำลาย สร้างความเป็นปฏิปักษ์ใดๆต่อตัวบุคคลเหล่านั้น หากท่านเห็นว่าไม่สบายใจและไม่ได้เกี่ยวข้อง ผมยินดีที่จะรับฟัง และพร้อมที่จะรับผิดชอบ” นายณัฐวุฒิระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อที่เปิดเผยออกมานั้นมาจากสมมติฐานหรือมีพยานหลักฐานใดยืนยันหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า มาจากข้อมูลข่าวสารที่ตนได้รับมา หลายรายมีคนเจรจาทาบทามแล้ว บางรายก็อยู่ในรายชื่อที่มีการคิดอ่านกันอยู่ จึงนำมาเปิดเผยและจัดลำดับว่าใครเป็นตัวเต็ง หรือเป็นตัวสอดแทรก
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาปฏิเสธนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีชื่อเป็นนายกฯคนกลาง เพียงแต่ระบุว่านายอภสิทธิ์ อยู่ในกลุ่มที่กระเสือกกระสนที่อยากจะเป็นนายกฯ แต่ไม่ถือเป็นตัวเต็งหรือตัวสอดแทรกเหมื่อนคนอื่น
เมื่อถามอีกว่า จากข้อมูลที่มีนั้นได้ตั้งกรอบเวลาในการผลักดันนายกฯ คนกลางให้สำเร็จเมื่อใดหรือ เลขาธิการ นปช.กล่าวว่า ทราบมาว่าในเดือน เม.ย.นี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีพ้นไปทั้งคณะ และตั้งนายกฯ รวมไปถึงรัฐบาลขึ้นมาใหม่ ทั้งที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ รวมไปถึงประชาชนผู้รักประชาธิปไตยก็คงไม่ยินยอมอย่างแน่นอน
“คำว่านายกฯ คนกลาง นายกฯ คนดี หรือนายกฯ มาตรา 7 แท้จริงแล้วกฎหมายไม่เปิดให้ทำได้ หากจะมีก็แสดงว่าท่านเป็นนายกฯ นอกฎหมาย เป็นนายกฯ เถื่อน ประชาชนจะไม่ให้การยอมรับ โดยตามข้อเท็จจริงก็ไม่มีทางที่จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองได้ เพราะหากนายกฯ พ้นตำแหน่งก็มีรองนายกฯลำดับถัดมาทำหน้าที่แทน หรือ ครม.พ้นทั้งคณะ กฎหมายก็ให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนอยู่” เลขาธิการ นปช.กล่าว
นายณัฐวุฒิเปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 26 มี.ค. ตนจะรวบรวมรายชื่อบุคคลที่สนับสนุน กปปส. เพียงชี้ให้เห็นว่าคนเหล่านี้จะได้ประโยชน์หลังการรัฐประหาร และมีตำแหน่งได้ประโยชน์จากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งจะเปิดโผกลุ่มคนที่มีโอกาสเป็นรัฐมนตรี และสมาชิกสภาประชาชนด้วย เพื่อชี้ให้เห็นว่าคนที่ออกมามีบทบาทร่วมกับนายสุเทพ มีเป้าหมายทางอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น
ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.นั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรามีความชัดเจนว่าไม่ยอมรับการรัฐประหาร และไม่ยอมรับนายกฯ เถื่อน หากเหตุการณ์ถึงจุดนั้นก็มีความจำเป็นต้องออกมาต่อสู้ทันทีโดยสันติวิธีตามแนวทางประชาธิปไตย ไม่ใช้ความรุนแรง โดยไม่ประสงค์ให้เกิดการเผชิญหญ้า ดังนั้นจึงไม่มีความคิดในการนำประชาชนเข้าไปเผชิญหน้ากับ กปปส.หรือเจ้าหน้าที่รัฐ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่าสถานการณ์ขณะนี้จะสามารถนำไปสู่การเลือกตั้งได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เพียงนายสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ ขานรับให้มีการเลือกตั้ง โดยพรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครหรือไม่ก็ถือเป็นสิทธิ แต่ กปปส.ไม่มีสิทธิในการออกมาขัดขวางการเลือกตั้ง และการใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน เวลาผู้คนถูกทำให้เห็นว่า บ้านเมืองไม่มีทางออก ทั้งที่จริงมีทางออกตามกฎหมาย แต่ถูกคนกลุ่มหนึ่งไปขวางทางออกเอาไว้ และอาจว่าสถานการณ์จะถึงทางตัน
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่กลุ่ม กวป.นนทบุรีเคลื่อนขบวนไปยังหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.จนเกือบปะทะกับกลุ่ม กปปส.นนทบุรี รวมไปถึงมีการรุมทำร้ายพระสงฆ์ด้วยนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า คงไม่มีผู้ใดเจตนาไปทำร้ายพระภิกษุ เมื่อติดตามจากข่าวเข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่อาจจะมีการปะทะคารมณ์ หรือบรรดาลโทสะ ต่อไปก็เป็นเรื่องการทำหน้าที่ของตำรวจ สำหรับแนวทางป้องกันการเผชิญหน้าหรือเหตุรุนแรงนั้น ในฐานะแกนนำ นปช. ยืนยันว่าเราหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด การแสดงพลัง 4-5 ครั้งที่ผ่านมาก็เหตุการณ์ปกติ เพราะไม่ได้มีความคิดที่จะเข้าไปทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุรุนแรง ในฐานะที่พวกผมเป็นแกนนำ เมื่อมีแนวทางเช่นนี้แล้วก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ