xs
xsm
sm
md
lg

“ไอ้เต้น” โวได้กลิ่น “สุเทพ” วาง 10 ตัวเต็งนายกฯคนกลาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธุ์
“ไอ้ตู่” ลั่นนายกฯคนกลางตั้งไม่ได้เด็ดขาด ขู่ “บิ๊กตู่” ทำรัฐประหารชีวิตบั้นปลายไร้สงบ ด้าน “ไอ้เต้น” อ้าง “สุเทพ” วางผังแคนดิเดตนายกฯคนกลาง “พลากร สุวรรณรัฐ” นั่งเต็งหนึ่ง “อานันท์-พล.อ.ประวิตร” ติดโผชุดแรก ให้ “พล.อ.ประยุทธ์-อภิสิทธิ์” ม้ามืด

วันที่ 24 มี.ค.ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าว โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กล่าวว่า ใครจะเป็นนายกฯ คนกลางให้รอฟังนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการ นปช.แต่ตนขอบอกใครเป็นคนกลางก็ฉิบหาย ทั้งนายสุเทพและรองประธานวุฒิฯ ก็ไม่มีอำนาจดำเนินการ จะให้ กปปส.ไปล้อมทำเนียบแล้วคุณเป็นนายกฯหรือ คุณจะประสบชะตากรรมอย่างเดียวคือไปไหนคนก็ขับไล่สาปแช่งคุณจะเป็นทำไมไม่มีประโยชน์อะไร ไปเคลิบเคลิ้มกับนายสุเทพ ทำไมคนกลางที่ว่า ตนไม่รู้ว่าลงทุนกี่เรื่องกับนายสุเทพมาแล้ว และเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าล้มละลายและตั้งไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะใช้มาตรา 3 หรือมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญเหลือเพียงประตูเดียวต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่า จะรัฐประหารหรือไม่ เพราะง่ายที่สุดไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่พวกเราจะออกมาทันที ตนอยากบอกว่าอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขตนกับ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะไม่ถูกกันเห็นหน้าก็ไม่ชอบกันแล้ว แต่ขอเตือนเอาไว้ทันทีที่มีการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ จะรักษาอำนาจอย่างไร ฆ่าพวกตนก็ฆ่าไม่หมดต้องฆ่าประชาชน อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จุดจบคือเป็นทรราช การที่จะใช้ชีวิตสงบก่อนตายนั้นก็เป็นไปไม่ได้ให้ดูอำมาตย์ที่เข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยมีแต่คนสาปแช่งถ้าตายจะตายตาหลับหรือไม่ก็ไม่รู้

ด้าน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับโผนายกฯ ที่ฝ่ายอำมาตยธิปไตย และ กปปส.ที่เตรียมพร้อมเอาไว้หมายถึงใครบ้างนั้น ตนได้เรียบเรียงน้ำหนักจากแหล่งข่าวต่างๆ มาพูดขึ้นเวที ไม่ได้เพื่อกล่าวหาใส่ร้าย ประณาม หรือสร้างความเกลียดชังใดๆ ความหมายการแถลงข่าววันนี้เป็นการหยิบยกชื่อเสียงเรียงนามที่ตนได้จากแหล่งข่าวต่างๆ ทั้งนักการเมือง วงการอื่นๆ และเพื่อนสื่อมวลชน เป็นการเอามาเล่ากันว่า ขณะนี้ที่นายสุเทพ ประกาศอยู่ทุกวันว่า ไม่เอาเลือกตั้งถ้าเลือกอีกก็ล้มอีก รัฐบาลไหนก็ไม่สน สนอย่างเดียว คือ รัฐบาลของมวลมหาประชาชนเอาคนกลางมาเป็นนายกฯ แล้วตั้งคนดีมาเป็นรัฐมนตรี และตั้งคนอีกกลุ่มมาทำหน้าที่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือ สภาประชาชนซึ่งเรายืนยันมาตลอด ว่า ทำไม่ได้และถามนายสุเทพมาตลอดว่า เป็นใคร

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนไม่ใช่คนใจร้อนแต่นอนฟังเฉยๆ ไม่ไหว และจะบอกเอง รวบรวมรายชื่อมาได้ 7-8 คน และจัดหมวดหมู่ไว้ว่าใครอยู่ในกลุ่มตัวเต็งตัวสอดแทรก หรือม้ามืด และตนขอรับผิดชอบในสิ่งที่ตนพูด แม้จะอาวุโสน้อยกว่าท่านเหล่านั้นแต่ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องเท่ากัน ถ้าตนพูดอะไรตนรับว่าตนพูด และแน่ใจว่าท่านจะไม่เสียหายและขอให้ท่านอธิบายกับตนได้นอกจากนั้นตนไม่คิดว่ารายชื่อเหล่านี้จะเป็นศัตรูกับประชาชนทันทีโดยอัตโนมัติ แต่ก็มีการวิเคราะห์ว่าเป็นเกมการเมืองที่ตนพยายามเบรกเกมของฝ่ายนั้นซึ่งไม่ใช่ทั้งนั้น ตนพูดในวันนี้เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้กับสังคมไทยในเมื่อเรามีนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่วันนี้ถูกนายสุเทพจับโขกสับขึ้นเวทีกล่าวหาด้วยถ้อยคำและท่าทีหยาบคาย แล้วจะหานายกฯคนกลางให้ซึ่งไม่ยุติธรรมกับประชาชน

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อเป็นการข่าวจะเป็นคนในรายชื่อเหล่านี้หรือไม่ใช่ก็ได้แต่ตนมีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือก่อนการรัฐประหาร 2549 เกิดคดีคาร์บอมที่แยกบางพลัด มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งเป็นอดีตทหารชื่อจ่ายักษ์เป็นผู้ต้องหาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป้าหมายของการรัฐประหารจะยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจะตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ฝ่ายตรงข้ามออกมากล่าวหาว่าเป็นคาร์บ๊อง แต่สุดท้ายก็มีนายกฯ คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จริงๆ วันนี้แหล่งข้อมูลตนน้ำหนักเยอะกว่าจ่ายักษ์ แต่สำหรับเราขบวนการต่อสู้ของประชาชนเราจะไม่เรียกนายกฯ ที่นายสุเทพเตรียมเอาไว้ว่านายกฯ มาตรา 7 นายกฯ คนกลาง หรือนายกฯคนดีแต่เราจะเรียกนายกฯ เถื่อน เพราะไม่มีกฎหมายใดเปิดช่องให้ทำได้ เมื่อมาตรา 3 และ มาตรา 7ไม่เปิดช่องว่าง ถ้าจำเป็นต้องมีนายกฯคนนั้นเราจะเรียกว่านายกฯ นอกกฎหมาย เพราะไม่มีกฎหมายมาตราใดรองรับเมื่อเขาเป็นนายกฯ นอกกฎหมายเราจึงขอใช้คำว่านายกฯ เถื่อน ไม่ว่าจะเป็นใครดำรงสถานะใด แต่ถ้าเข้ามาเป็นนายกฯภายใต้วิธีการของสุเทพ ก็เป็นนายกฯ เถื่อนไม่มีชื่ออื่น

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า โผรายชื่อนายกฯเถื่อนได้ถูกเก็บรวบรวมและตนได้ส่งให้โรงเรียน นปช. โดยโผไล่ตามน้ำหนักและขั้นบันได ชุดแรกมี 3 คน คือ เต็งหนึ่ง เต็งสอง และเต็งสาม ตนจะไล่จากสามไปหนึ่ง โดยเต็งสามคือ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยรับตำแหน่งสำคัญๆ มาหลายตำแหน่งได้รับการขนานนามผู้ดีรัตนโกสินทร์ เป็นนายกฯ 2 สมัย แต่บางคนบอกเป็นนายกฯ นอกกติกามาตลอดทั้งสองครั้ง บทบาทล่าสุดนายอานันท์มีบทบาทใหญ่โตในแวดวงธุรกิจธนาคารเป็นโต้โผในการชวนนายแบงก์มาพูดจาหารือว่าจะไม่ให้การสนับสนุนในโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลเต็งสองคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มนายทหารบูรพาพยัคฆ์ และมีน้องคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาอดีต ผบ.ทบ.ส่วนน้องเล็กคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร มีบทบาทสำคัญในยึดอำนาจ 19 ก.ย. 49 มีบทบาทสำคัญในช่วงย้ายขั้วการเมืองในค่ายทหารจากพรรคเพื่อไทยให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ขึ้นมา และเป็นพี่ใหญ่ที่มากบารมีในหมู่แม่ทัพขุนทหารทั้งหลาย โดยมีชื่อเป็นผู้ประสานงานของทั้งฝ่ายรัฐบาลและผู้ชุมนุมเพื่อให้มีการเจรจาตกลงปลงใจให้เกิดสูตรใหม่ทางการเมืองให้ได้ด้วยการเคลื่อนไหวในลักษณะ นี้เราจึงวางพล.อ.ประวิตร เป็นเต็งสอง

“ขณะที่เต็งหนึ่งที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าอาจจะเป็นนายกฯที่นายสุเทพและเครือข่ายได้เตรียมการไว้ แต่ผมเรียกว่านายกฯเถื่อน ชื่อนายพลากร สุวรรณรัฐ เป็นเต็งหนึ่ง พื้นเพบิดาเป็นชาวนครศรีธรรมราช บ้านเดียวกับผม และผมเห็นบทบาทชีวิตท่านพลากร มาโดยตลอดเติบโตในกระทรวงมหาดไทย เป็นอดีต ผอ.ศบ.อต.มีข้อมูลว่านายพลากร มีความสนิทสนมกับนักการเมืองหลายฝ่าย แต่แนบแน่นกับพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ มีรายงานว่าช่วงต้นของการชุมนุม นายสุเทพไปพบกับนายพลากร ที่แปซิฟิกคลับ ย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นคลับของคนรวย ไปดูดีๆ ว่าทำไมนายสุเทพ ถึงมีบารมีสูงขนาดนั้นหรือนายสุเทพเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ มีรายงานจากผู้สังเกตการณ์เห็นอยู่ว่ามีการสนทนากันอย่างออกรส มีรายงานว่าเครือข่ายสายมหาดไทยที่เคลื่อนไหวร่วมกับนายสุเทพ ก็เป็นเครือข่ายของนายพลากร บางคนบอกว่า มีข้อจำกัดในการเป็นองคมนตรีหรือไม่ เรื่องนี้หาใช่ข้อจำกัดไม่เพราะหลังรัฐประหาร 2549 พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ออกมาเป็นนายกฯ หลังการยึดอำนาจได้ ซึ่งไม่ใช่การมากล่าวหาให้ร้าย ถ้าไม่สบายใจบอกผมยินดีทำให้ท่านสบายใจ” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ชุดที่สองเป็นตัวสอดแทรก ที่พยายามสร้างบทบาททำคะแนนอยู่ในเกมรายที่หนึ่งคือคนที่มีบทบาททางการเมือง เศรษฐกิจมายาวนาน คือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง เส้นทางชีวิตการเมืองน่าสนใจ ข้อสังเกตทิศทางการเมืองของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร คือ เป็นคนที่สามารถยืนอยู่ทุกที่พูดกันแบบบ้านๆ หมายถึงหาจุดยืนไม่ได้ เป็นโฆษกรัฐบาลในสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี พอรัฐบาลถูกปฏิวัติก็มาเป็น รมช.พาณิชย์ ของคณะปฏิวัติบทบาทผลงานที่เอามาชี้ได้ว่าน่าจะเป็นตัวสอดแทรกในเกมนี้คือการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกเพื่อนำสู่นายกฯ คนกลางและมีการออกแถลงการณ์หลายครั้งหลายคราว ตัวสอดแทรกอีกคนหนึ่งที่ระวังไม่ได้คือนายสมคิดจาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งไม่ใช่ชื่อใหม่ของแวดวงการเมืองไทย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในส่วนของม้ามืดหมายถึงชื่อยังไม่เข้ามาประจำสถานีวิ่งเท่าไร แต่ว่าเริ่มมีชื่อโชยมานั้น ม้ามืดคนแรกคือนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีม้ามืดอีกคนคือนายอาสา สารสิน อดีตเอกอัครราชทูตและม้ามืดคนสุดท้ายมาจากภาคเอกชน ชื่อ นายวิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจ และคนที่เขาพยายามยัดเยียดให้เป็นอัศวินม้าขาวคนนี้อยู่นอกโผ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ถูกกดดันจากคนจำนวนหนึ่งให้ยึดอำนาจถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจะให้เป็นนายกฯเหมือนอัศวินขี่ม้าขาว และยังมีตัวสอดแทรกหนึ่งที่อันตรายมากเรียกว่า เป็นตัวกระเสือกกระสนที่แสดงออกชัดมากว่าอยากเป็นนายกฯ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้เป็นนายกฯ คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นนายกฯ แม้ฆ่าคนเป็นร้อยเขาก็ทำ ซึ่งหลังจากนี้ถ้ามีความคืบหน้าของกลุ่มบุคคลดังกล่าวว่าใครน้ำหนักเพิ่มน้ำหนักลด หรือปฏิเสธก็จะมีการจัดอันดับขึ้นมาใหม่ การที่ตนนำมาเปิดเผยไม่ได้การทำโจมตี แต่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปสู่ประชาธิปไตย


ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น