xs
xsm
sm
md
lg

ระบบถ่วงดุล-ตรวจสอบเริ่มทำงาน ยิ่งยืดเยื้อ ระบอบแม้วยิ่งอ่อนแรง!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

ากพิจารณากันในภาพรวมแล้วก็ย่อมเห็นภาพได้ชัดเจนว่า ระบอบทักษิณ กำลังถูกไล่บี้จนถอยร่นไม่เป็นขบวนแล้ว แต่ความหมายสำหรับการ “ไล่บี้” ในที่นี้ก็คือผ่านทางองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญแบบถูกต้องชอบธรรม ซึ่งสิ่งที่ฝ่ายทักษิณ และรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำได้ในเวลานี้ก็คือพยายามดิสเครดิตและบิดเบือนปลุกระดมให้เหล่ามวลชนที่เคยสนับสนุนให้หลงเชื่อต่อไป

ด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ที่ใช้มานานอย่างน้อยในช่วงกว่าสองปีมานี้ ได้เปิดโอกาสให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หุ่นเชิดของ ทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่ มีทั้งองค์ประกอบพร้อมสรรพแบบที่ไม่มีรัฐบาลไหนได้รับมาก่อน เรียกได้ว่ามีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จทั้งในรัฐบาล ทั้งรัฐสภา และระบบราชการ

อีกมุมหนึ่งมันก็เกิดผลที่ตามมาไม่คาดหมายนั่นคือ เมื่อมีอำนาจมากก็เกิดความเหิมเกริมจนเกินพอดี ไม่เห็นใครอยู่ในสายสายตา ทำตามอำเภอใจไม่สนใจความถูกต้อง ทำนองคลองธรรม ไม่สนใจแม้กระทั่งกฎหมาย

สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะมีฝ่ายสนับสนุนอยู่รอบตัว ซึ่งรวมถึงมวลชนคนเสื้อแดง แต่ก็นั่นแหละสิ่งก้าวพลาดจนคาดไม่ถึงก็คือ “ความไร้ประสิทธิภาพ” ของตัวเอง ของผู้นำ นั่นคือตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และก็รวมไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ที่เอาเข้าจริงเขาก็แค่ “นักโฆษณาชวนเชื่อ” ที่ใช้ได้ผลในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง สังคมก็ย่อมจับได้ไล่ทันว่า เขาคือ “ของปลอม” ถ้าเปรียบเสมือน “นักพนัน” เขาโกงจนชนะได้เงินมาเยอะแล้ว แต่ยังโลภไม่รู้จักเลิกในที่สุดก็ถูกจับได้ โดนกระทืบจนแทบไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งสภาพของเขากำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ถึงไม่ใช่ก็เริ่มใกล้เคียงแล้ว

สภาพที่เป็นอยู่ของระบอบทักษิณ นอกจากความเหิมเกริม เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาและคนในครอบครัว ใช้อำนาจการเมืองมาขยายธุรกิจครอบครัว ประเคนตำแหน่งสำคัญให้กับเครือญาติคนใกล้ชิด ประเมินสถานการณ์ผิด จนทำให้ชาวบ้านจากเดิมที่มองดูเฉยๆ ต้องเหลืออดแล้ว ส่วนสำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือเกิดจาก “ความล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ” ของตัวเองนั่นแหละ

ถามว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของมวลมหาประชาชนในเวลานี้สาเหตุเริ่มต้นที่เป็นชนวนใหญ่ ก็คือมาจากการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยใช่หรือไม่ จากนั้นก็ขยายบานปลายมาเรื่อย และต่อมาก็มีการพูดถึงเรื่องความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ล่าสุดได้เห็นความจริงจากความล้มเหลวป่นปี้จากโครงการรับจำนำข้าวที่ขาดทุนบานเบอะจนตัวเลขล่าสุดในฤดูกาลรับจำนำปี 55/56 ที่พยายามปิดตัวเลขไม่ยอมปิดบัญชีนั้นแว่วมาว่าคราวนี้อาจขาดทุนถึง 5 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

เมื่อทุกอย่างเริ่มเป็นลบ ทุกอย่างที่ตามมามันก็ไม่ดีไปเสียทั้งหมด เวลานี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สังคมเปิดโปงจนล่อนจ้อน มีสภาพไม่ต่างจาก “คนปัญญาอ่อน” แม้อาจเป็นการกล่าวหา แต่ถ้าสังเกตจากพฤติกรรมและคำพูดอย่างต่อเนื่อง มันย่อมมองเห็นคล้อยตามได้อย่างนั้นจริงๆ ว่าเธอไม่มีสติปัญญาและความรอบรู้ไม่เหมาะสำหรับการเป็นผู้นำได้เลย และเวลานี้สื่อต่างประเทศได้นำไปขยายผลน่าอับอายไปทั่วแล้ว

ขณะที่บรรดารัฐมนตรีอื่นๆ ก็ล้วนมีสภาพไม่ต่างกัน มีแต่เสียง “ยี้” หาความศรัทธาไม่ได้เลย แต่งตั้งเข้ามาเหมือนกับดูถูกคนไทยเจ้าของประเทศ ไม่เชื่อก็ลองยกตัวอย่างเริ่มมาจาก “ขุนคลัง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ “ไวต์ลาย” มีแต่ความผิดพลาดในเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจตลอดเวลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่คนก่อนคือ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันคือ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ที่สร้างความฉิบหายจากโครงการจำนำข้าว ส่วนรัฐมนตรีช่วยฯที่ชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ได้ดีจากไพร่มาเป็นอำมาตย์ ลองนึกผลงานมาสักเรื่องสิว่าทำอะไรได้บ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศที่ชื่อ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ ปลอดประสพ สุรัสวดี หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คนพวกนี้มีผลงานอะไรบ้าง ก็ล้วนอยู่ในการเมือง “น้ำเน่า” มาช้านาน แล้วมันจะดีเด่ตรงไหน

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งสังคมก็เริ่มได้เห็นองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ศาลต่างๆ ล้วนทำงานเห็นผลมากขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าในที่สุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องตกเก้าอี้จากองค์กรเหล่านี้ แม้ว่าฝ่าย ยิ่งลักษณ์ จะพยายามบิดเบือนปลุกระดมใส่ร้ายให้เข้าใจผิดอย่างไร แต่จากความห่วยแตก ไร้ประสิทธิภาพ สังคมได้เห็นถึงการทุจริต เล่นพรรคเล่นพวกกันอย่างโจ๋งครึ่มมันก็ทำให้ไร้น้ำหนัก และสังคมก็รับรู้แล้วว่าการก่อเหตุรุนแรง ข่มขู่คุกคามองค์กรอิสระและศาลล้วนเป็นฝีมือของใคร ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้ นอกจากพวกคนถ่อยด้วยกัน

นี่แหละถึงได้บอกว่ายิ่งสถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อ สังคมก็ยิ่งได้เห็นความจริง ขณะเดียวกันเมื่อองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญเริ่มทำงาน มันยิ่งทำให้องค์ประกอบของการถ่วงดุล-ตรวจสอบอย่างรอบด้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นไป ระบอบทักษิณ ก็จะยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนใครจะนึกว่าจะมีวันนี้!!
สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น