xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จี้หยุดบิดเบือนพรรคเอี่ยวทำโหวตโมฆะ โยนที่ประชุมใหญ่ถกลงเลือกตั้งหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
โฆษกประชาธิปัตย์จี้หยุดบิดเบือนพรรคเกี่ยวขัดขวางเลือกตั้งเพราะไม่ลงสมัคร ย้ำ “ยิ่งลักษณ์” ควรเริ่มเจรจาปลดล็อกเงื่อนไข แสดงเจตนาไม่รีบเข้าสู่อำนาจ จวกปล่อยข่าว “อภิสิทธิ์” นายกฯ คนกลางหวังปลุกแดง โยนที่ประชุมใหญ่ถกลงเลือกตั้งหรือไม่ ชู “อลงกรณ์” เห็นต่างเป็นความสวยงามในพรรค ด้าน “จุฤทธิ์” ย้อน “พร้อมพงศ์” ไปดู “จารุพงศ์” ติดคดี ป.ป.ช. จี้ “อำมาตย์เต้น” ทบทวนตัวเอง “มัลลิกา” จี้ สตช.ตามคดีเหตุรุนแรง แนะ “ประยุทธ์” สอยพวกติดอาวุธ



วันนี้ (24 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ แต่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะนำเรื่องนี้มาให้คำตอบกับประเทศชาติอย่างไร แต่กลับมีขบวนการลดความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นระบบ และพยายามรักษาอำนาจไม่ยอมรับการตรวจสอบ ทั้งที่ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำของรัฐบาลเอง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการบิดเบือนว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนขัดขวางการเลือกตั้งเพราะการไม่ลงสมัครเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและไม่ได้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง

นายชวนนท์กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรริเริ่มให้มีการเจรจาปลดล็อกเงื่อนไขเวลาเลือกตั้งเพื่อลดความตึงเครียด เพื่อแสดงเจตนาว่าไม่เร่งรีบเข้าสู่อำนาจและให้เวลาประเทศหาแนวทางปฏิรูป ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง เป็นเพียงความพยายามปล่อยข่าวเพื่อสร้างกระแสให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาต่อต้านโดยนำพรรคประชาธิปัตย์เป็นเหยื่อทางการเมือง จึงขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะไม่ว่าพรรคจะมีหัวหน้าพรรคชื่ออะไรก็ไม่ยอมเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางแน่นอน

“คุณยิ่งลักษณ์ควรริเริ่มให้มีการเจรจาปลดล็อกเงื่อนไขเวลาเลือกตั้งลดความตึงเครียด แสดงเจตนาว่าไม่เร่งรีบเข้าสู่อำนาจให้เวลาประเทศหาแนวทางปฏิรูป ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่ามีกระบวนการทั้งปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งและหลังเลือกตั้งที่ต้องใช้การแก้กฎหมาย โดยเจตนารมณ์ของผู้นำประเทศจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชนได้ว่าจะเกิดการปฏิรูปได้จริง เพราะที่ผ่านมาคุณยิ่งลักษณ์มีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอก เอาตัวรอดเท่านั้น ทำให้คุณยิ่งลักษณ์หมดความน่าเชื่อถือจึงต้องให้ความจริงใจด้วยการถอยออกมาให้เกิดการพูดคุยอย่างแท้จริง” นายชวนนท์กล่าว

นายชวนนท์กล่าวว่า ส่วนการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ไม่มีกำหนดการเกี่ยวกับการพิจารณาว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ส่วนจะมีผู้หยิบยกขึ้นมาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุม และย้ำว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งใหม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยแต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องเปิดทางให้เกิดการเจรจาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับก่อน

ส่วนกรณีที่นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีต ส.ส.บัญรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ทวิตเตอร์ปฏิเสธข้อกล่าวหาตั้งพรรคการเมืองใหม่ หลังผิดหวังการปฏิรูปของพรรคประชาธิปัตย์ และมีการปล่อยข่าวว่าจะย้ายไปตั้งพรรคนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบว่ามีการพูดคุยกันบ้างหรือไม่ แต่นายอภิสิทธิ์ได้แจ้งว่าหารือกับนายอลงกรณ์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการ ปชป. ซึ่งทั้งสองได้ยืนยันที่จะอยู่กับพรรคต่อไป ทั้งนี้ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่สวยงามของพรรคที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันได้ และกล้าที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และเปิดเผยความเห็นที่แตกต่างให้ได้ทราบ แต่เมื่อผ่านกระบวนของพรรค และได้ปรับความเข้าใจ เรื่องทุกอย่างก็จบ ซึ่งตนก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ในพรรคที่พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เรียกว่าพรรคการเมือง

ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนินายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพราะไม่มีสิทธิเรียกร้องเนื่องจากการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเป็นเรื่องของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่นายพร้อมพงศ์ควรมองย้อนกลับไปที่พรรคเพื่อไทยที่มีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคและยังมีคดีอยู่ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรณีรับเงินค่าตั๋วเครื่องบินกว่า 3 หมื่นบาทจากบริษัท อีสต์วอเตอร์ อีกทั้งยังอยู่ในที่ชุมนุมที่มีพฤติกรรมแบ่งแยกดินแดนโดยไม่ดำเนินการสะท้อนถึงความไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังขอให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ทบทวนตนเองว่าจะอยู่ในสถานะแกนนำผู้ชุมนุม หรือรัฐมนตรี เนื่องจากขณะนี้มีสองสถานะ คือ ร่วมประชุม ครม.และเป็นเลขาฯ กลุ่ม นปช. หากการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงนำไปสู่ความรุนแรงเท่ากับ ครม.ทั้งคณะให้ท้ายสนับสนุน ดังนั้นไม่ต้องดำเนินการปลดนายณัฐวุฒิออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว

ขณะที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องไปยังรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ติดตามความคืบหน้าคดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยขอให้เร่งรัดการจับกุมและแถลงความคืบหน้าของทุกคดีด้วย นับตั้งแต่เกิดเหตุตั้งแต่ปลายปี 2556 จนถึงปัจจุบันที่คดียังไม่มีความคืบหน้า หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จะเดินหน้าเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ด้วยการส่งเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

นอกจากนี้ น.ส.มัลลิกายังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมขบวนการของนายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่มีการประกาศระดมอาวุธต่อต้านมวลมหาประชาชนด้วยวิธีการนอกกฎหมาย เพื่อสร้างความระส่ำระสายให้แก่สังคม ซึ่งในทางกฎหมายถือว่ามีเจตนาทำผิดทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย ถือเป็นอาชญากรรมต่อบ้านเมืองบั่นทอนความมั่นคงของชาติ และพล.อ.ประยุทธ์ควรจัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการต่อคนเหล่านี้ตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดกลุ่มในลักษณะเดียวกันในพื้นที่อื่น หากไม่ดำเนินการจะมีการประมวลข้อมูลทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 157 ด้วยเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น