โฆษกประชาธิปัตย์ อ้างรัฐบาลเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเจตนาดี แต่เป็นยุทธวิธีรุกไล่ผู้ชุมนุม ถามสถานการณ์ดีขึ้นเอาอะไรวิเคราะห์ ยันไม่อยากให้เลิกเพื่อสังหารหมู่ หวังถอนบังเกอร์ ตำหนิ “เฉลิม-สุรพงษ์” จ้อบึ้มสร้างสถานการณ์ เตือน “ยิ่งลักษณ์” ปล่อยลิ่วล้อถล่มองค์กรอิสระจะรับกรรมในช่วงสุดท้าย จี้แต่ละองค์กรเร่งทำงาน
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ครม.เตรียมการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน โดยอ้างว่ามีการจำกัดพื้นที่การชุมนุมไม่มีแนวโน้มความรุนแรง และอ้างว่าเพื่อให้สถานการณ์ประเทศดีขึ้นโดยเฉพาะผลกระทบจากการท่องเที่ยวเพราะบังเกอร์ทหารทำลายภาพลักษณ์ประเทศว่า หากมองเผินๆ เหมือนเจตนาดีต่อประเทศ แต่เมื่อพิจารณาในข้อเท็จจริงพบว่า เป็นหนึ่งในยุทธวิธีในการเดินหน้ารุกไล่ผู้ชุมนุม เพราะการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ผ่านมาใช้เฉพาะกับกลุ่มมวลชน กปปส.
“การอ้างว่าสถานการณ์ดีขึ้นเอาอะไรมาวิเคราะห์ เพราะเมื่อวานนี้ยังมีการลอบวางระเบิดที่ศาลอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด มีการยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และพยายามยิงใส่สำนักงาน ป.ป.ช. รวมทั้งล่าสุดมีการลอบวางระเบิดย่านเพลินจิต จึงต้องถามว่าสถานการณ์แบบนี้หรือที่เรียกว่าดีขึ้น ทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า ยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเปิดทางให้คนที่ไม่หวังดีต่อประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลดำเนินการอย่างสะดวกหรือไม่ เพราะเราไม่อยากให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อให้เกิดการสังหารหมู่ประชาชน” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์ยังตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ปฏิบัติรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ที่ออกมาระบุสถานการณ์ลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์ว่า เป็นการพูดทางการเมืองไม่ได้อยู่บนพื้นฐานการรักษาความสงบของบ้านเมือง และเห็นว่าการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้เพื่อกดดันให้กองทัพยกเลิกการตั้งบังเกอร์กว่า 170 จุด เพื่อไม่ให้ปกป้องประชาชนในขณะที่ความรุนแรงยังเกิดกับประชาชน จึงเกรงว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ล้อมประชาชนให้ชายชุดดำสังหารประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการจัดตั้งมวลชนคนเสื้อแดงมีการตั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นประธาน นปช. และมีการรับสมัครการ์ดของนายสุภร อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่รัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอของ 6 องค์กรอิสระที่ขอให้ กปปส.และรัฐบาลส่งรายชื่อคนกลางมาเป็นตัวแทนเจรจานั้น นายชวนนท์กล่าวว่า อยากให้นายกฯปล่อยวางทิฐิทางอำนาจเพราะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเป็ดง่อย ไม่สามารถแก้ปัญหาชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ชาวนา ความขัดแย้งในสังคม หรือนโยบายอื่นที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา จึงต้องละเลิกการยึดถือประโยชน์ส่วนตนหันมาให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ประเทศ หากยังปล่อยให้ลิ่วล้อออกมาถล่มองค์กรอิสระและผู้ไกล่เกลี่ยการเจรจา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จะเป็นผู้รับกรรมในช่วงสุดท้ายของการเมือง จึงอยากให้ได้ทบทวนเพื่อเป็นผู้ปลดล็อคหาคำตอบให้ประเทศไทย
นายชวนนท์กล่าวว่า ทั้งนี้พรรคเห็นใจ 6 องค์กรอิสระที่มีความปรารถนาดีจะลดความขัดแย้งในประเทศ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้เป็นเรื่องยากที่องค์กรที่เกี่ยวข้องจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ ทางที่ดีที่สุดคือแต่ละองค์กรเร่งทำหน้าที่อย่างรวดเร็วบนหลักกฎหมาย ความยุติธรรม ไม่ใช่ประนีประนอมไม่ยึดกฎหมายตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุ เพราะคนทำผิดต้องได้รับโทษ
นายชวนนท์กล่าวถึงการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีคำร้องให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะในวันที่ 19 มี.ค. 57 ว่า ยังไม่เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะส่งตัวแทนเข้าชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนกับที่ปฏิเสธการให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.สะท้อนว่าจงใจทำตัวเป็นสิ่งขัดขวางทางออกของสังคม กีดขวางการทำงานขององค์กรอิสระ และศาลสถิตยุติธรรม หากมีการวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่มีคำถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยอมรับหรือปล่อยให้ลิ่วล้อออกมาราดน้ำมันในกองไฟด้วยการปลุกระดมให้มีการถล่ม ปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ เพราะหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากเป็นนายกฯ ของคนไทยต้องกล้าที่จะแสดงความเป็นผู้นำยอมรับบทบาทการตรวจสอบขององค์กรอิสระ และศาล แต่ถ้าจะเป็นนายกฯ ของคนเสื้อแดงก็ขอให้ไปอยู่ที่อื่น