สุราษฎร์ธานี - กลุ่ม กปปส.สุราษฎร์ธานี กว่า 1,000 คน ปิดล้อมกลุ่มม็อบเสื้อขาวอ้างเป็นกลุ่มไร้ที่ดินทำกินกว่า 500 คน ที่เดินทางมารวมตัวทำกิจกรรมทางการเมืองที่บริเวณศาลหลักเมือง
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24 ก.พ.) นายชาคริต ศรีภิรมย์มิตร ผญบ.หมู่ 4 ต.ตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำมวลชนาวอ้างว่ากลุ่มไร้ที่ดินทำกินประมาณ 500 คน แต่งชุดขาว เข้าชุมนุม และทำกิจกรรมที่ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี โดยอ้างว่าเป็นกลุ่มชาวบ้านเรียกร้องที่ทำกิน จะมาเรียกร้องที่ทำกินต่อทางจังหวัด ซึ่งชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวได้ทำการเรียกร้องเรื่องนี้เป็นเวลานานแล้ว แต่ทางจังหวัดยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น และอ้างว่าศาลากลางปิด ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ตนเองไม่อยากให้ทางจังหวัดมาอ้างเรื่องสถานที่ราชการปิด เพราะหากมีความจริงใจในการแก้ปัญหาก็สามารถดำเนินการในสถานที่ใดๆ ก็ได้
ขณะเดียวกัน กลุ่มมวลชน กปปส. ซึ่งทราบข่าวการเดินทางมาของ นายชาคริต และกลุ่มมวลชน แกนนำจึงนำกลุ่มมวล กปปส.กว่า 1000 คน เดินทางออกจากหน้าศาลากลางจังหวัดไปปิดล้อมศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มมวลชนของนายชาคริต อยู่ภายในบริเวณศาลหลักเมือง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจอดรถติดเครื่องขยายเสียงห่างกันประมาณ 100 เมตร และต่างฝ่ายต่างกล่าวโจมตีซึ่งกันและกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ แต่เหตุการณ์ก็รุนแรงขึ้นจนเกือบจะกระทบกระทั่งกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ต่อมา นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เดินทางมารับหนังสือจากกลุ่มผู้เรียกร้องผู้ทำกิน และรับปากจะเร่งรัดดำเนินการให้ กลุ่มม็อบที่ดินทำกินพอใจจึงยินยอมสลายตัวเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อกันมวลชนทั้ง 2 กลุ่มปะทะกัน ในที่สุดแล้วสามารถนำกลุ่มม็อบที่ดินทำกินออกจากบริเวณศาลหลักเมืองได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางการกดดันของกลุ่ม กปปส.อย่างหนัก
เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24 ก.พ.) นายชาคริต ศรีภิรมย์มิตร ผญบ.หมู่ 4 ต.ตะปาน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำมวลชนาวอ้างว่ากลุ่มไร้ที่ดินทำกินประมาณ 500 คน แต่งชุดขาว เข้าชุมนุม และทำกิจกรรมที่ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี โดยอ้างว่าเป็นกลุ่มชาวบ้านเรียกร้องที่ทำกิน จะมาเรียกร้องที่ทำกินต่อทางจังหวัด ซึ่งชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวได้ทำการเรียกร้องเรื่องนี้เป็นเวลานานแล้ว แต่ทางจังหวัดยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น และอ้างว่าศาลากลางปิด ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ ตนเองไม่อยากให้ทางจังหวัดมาอ้างเรื่องสถานที่ราชการปิด เพราะหากมีความจริงใจในการแก้ปัญหาก็สามารถดำเนินการในสถานที่ใดๆ ก็ได้
ขณะเดียวกัน กลุ่มมวลชน กปปส. ซึ่งทราบข่าวการเดินทางมาของ นายชาคริต และกลุ่มมวลชน แกนนำจึงนำกลุ่มมวล กปปส.กว่า 1000 คน เดินทางออกจากหน้าศาลากลางจังหวัดไปปิดล้อมศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี โดยกลุ่มมวลชนของนายชาคริต อยู่ภายในบริเวณศาลหลักเมือง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจอดรถติดเครื่องขยายเสียงห่างกันประมาณ 100 เมตร และต่างฝ่ายต่างกล่าวโจมตีซึ่งกันและกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ แต่เหตุการณ์ก็รุนแรงขึ้นจนเกือบจะกระทบกระทั่งกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ต่อมา นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เดินทางมารับหนังสือจากกลุ่มผู้เรียกร้องผู้ทำกิน และรับปากจะเร่งรัดดำเนินการให้ กลุ่มม็อบที่ดินทำกินพอใจจึงยินยอมสลายตัวเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อกันมวลชนทั้ง 2 กลุ่มปะทะกัน ในที่สุดแล้วสามารถนำกลุ่มม็อบที่ดินทำกินออกจากบริเวณศาลหลักเมืองได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางการกดดันของกลุ่ม กปปส.อย่างหนัก