นายกฯ ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมพลังงานทหาร ในสังกัด สป.กห. พร้อมฟังบรรยายสรุป บ่ายขึ้น ฮ.เยี่ยมศูนย์ฝึกศึกษาบุคลากรด้านปิโตรเลียม เลขาฯ นายกฯ ยันคืนเก้าอี้เลขาฯ สมช. “ถวิล” ทัน 45 วันตามคำสั่งศาล เล็งชงนายกฯ เห็นชอบสัปดาห์หน้า ก่อนเข้าประชุม ครม. ส่วน “ภราดร” ให้สลับไปนั่งที่ปรึกษานายกฯ เลขาฯ สมช.ยันไร้ปัญหา พร้อมทำตามสั่ง
วันนี้ (14 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเดินทางมายังศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือกรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานด้านปิโตรเลียม กรมการพลังงานทหาร ของกระทรวงกลาโหม โดยในช่วงเช้านายกรัฐมนตรีได้เข้าสักการะเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมพลังงานทหาร และประชาชนในพื้นที่ที่อุทยานวีรกรรมเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ก่อนจะเดินทางไปพิพิธภัณฑ์และศูนย์การเรียนรู้ด้านปิโตรเลียม เพื่อเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานของกรมพลังงานทหาร
ทั้งนี้ ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ดำเนินการด้านปิโตเลียมมากกว่า 50 ปี และเป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อของบ่อน้ำมันฝาง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการปิโตรเลียมได้อย่างครบวงจร โดยใช้ทรัพยากรและขีดความสามารถของหน่วยเอง ตั้งแต่การสำรวจหาแหล่งน้ำมันดิบ การเจาะ การผลิต การสูบน้ำมันดิบและการกลั่นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดต่างๆ ตลอดจนการจำหน่ายและพัฒนาปรับปรุงให้ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันสามารถผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยวันละ 900-1000 บาร์เรล และความสามารถในการกลั่นวันละ 2500 บาร์เรล ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่กลั่นได้ ได้แก่แนฟทา น้ำมันก๊าซ ดีเซลหมุนเร็วและน้ำมันเตาชนิดต่างๆ รวมถึงการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันเตาที่กลั่นได้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 12.14 MV ผลิตกระแสไฟฟ้าจำหน่ายแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยในการจ่ายกระแสไฟฟ้าของ อ.ฝาง ที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานของศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากมลพิษที่เกิดจากโรงกลั่นน้ำมัน และโรงไฟฟ้า ซึ่งได้มีระบบจัดการต่อมลภาวะดังกล่าวอย่างถูกขั้นตอน ถูกวิธี และมีการตรวจสอบและปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย อากาศเป็นพิเศษตลอดจนมลพิษอื่นๆ อยู่สม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบและสร้างความเดือนร้อนแก่ชุมนุน รวมทั้งได้เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีแก่ชุมชมด้วยการให้การช่วยเหลือ และเข้าร่วมกิจกรรมอยู่อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ มีกำลังพลประกอบด้วย ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานกรมการพลังงานทหาร รวมทั้งสิ้น 712 คน อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.พงศ์ทิวา อภิรักษ์โยธิน ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปบ่อต้นขาม ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันแห่งแรกของประเทศไทย ก่อนจะเดินทางไป หลุม FA-PK-51-05 แหล่งผลิตน้ำมันดิบโป่งทรายคำและรับฟังการบรรยายสรุปคือกระบวนการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้ยังจะเดินทางไปโรงกลั่นน้ำมันของศูนย์การเรียนรู้ด้านปิโตรเลียม เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงาน หลังจากนั้นได้เดินทางไปลานแอโรบิกของศูนย์พัฒนากีฬา ศูนย์การเรียนรู้ด้านปิโตรเลียมกีฬา และพบประชาชนในพื้นที่ที่มารอต้อนรับ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปเยี่ยมชมศูนย์ฝึกศึกษาบุคลากรด้านปิโตรเลียม กรมพลังงานทหาร จ.เชียงใหม่
ขณะที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้แก่นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดว่า ยืนยันว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายใน 45 วันตามคำสั่งศาลอย่างแน่นอน โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดเตรียมรายละเอียดต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะเสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เห็นชอบได้ภายในสัปดาห์หน้า ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งหากไม่ทันการประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้าก็จะนำเข้าในสัปดาห์ถัดไป ถือว่ายังอยู่ในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ 45 วัน หรืออย่างช้าที่สุดคือวันที่ 21 เม.ย. 57
นายสุรนันทน์เปิดเผยด้วยว่า สำหรับการคืนตำแหน่งนั้น แน่นอนว่านายถวิลจะได้กลับมาทำหน้าที่เลขาฯ สมช. ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนาถาบุตร เลขาฯ สมช.คนปัจจุบันนั้น ก็จะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำต่อไป
ด้าน พล.ท.ภราดร กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แม้โดยปกติจะมีการพูดคุยกับนายสุรนันทน์เกี่ยวกับงานเรื่องงานด้านความมั่นคงเป็นประจำ แต่นายสุรนันทน์ยังไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ แต่หากเป็นเช่นนั้นก็ยินดีไม่มีปัญหาอะไร เพราะพร้อมจะทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา