นายกฯ โยน ศรส.ประเมินเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน งงนักข่าวหูไว สมช.ชงเลิก แนะรอผลประชุม ฝันคำวินิจฉัยศาล รธน.ให้ลุยเลือกตั้ง พร้อมเร่งตั้ง รบ.ใหม่ ก่อนปฏิรูป ชี้ให้แยกปัญหานายกฯ ต้องรักษาการ เลือกตั้งเดินไม่ได้ตามปกติ เชียร์เลือก ส.ว.-ส.ส.พร้อมกัน หวัง กกต.ทำตาม สั่งบูรณการจุดตรวจ หวังไร้เหตุปะทะ รอทหารรายงานผลจับอาวุธ วอนอย่ารุนแรงให้ยึด ปชต. ขอหันหน้าเข้าหากัน รับชาติเสียโอกาส หากศาลคว่ำกู้ 2 ล้านล้าน
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ต้องรอศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ประเมินมาก่อน ยังมีเวลา เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์วันนี้หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะเดินไปอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ก็คงต้องดูประเมินควบคู่กันไป เพราะเราต้องดูเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าเหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีความรุนแรงก็เป็นเหตุผลที่ดีที่จะยกเลิก แต่อย่างไรก็ตามต้องให้ฝ่ายข่าวกรองและฝ่ายความมั่นคงประเมินก่อน เพราะหากยกเลิกแล้วไม่สามารถจะดูแลความปลอดภัยได้ก็เป็นเรื่องที่น่าห่วง ก็ขอให้ ศรส.ประเมินก่อน เมื่อถามว่าทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีการประเมินว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯ กล่าวว่า ทำไมนักข่าวทราบเร็วจัง ยังไม่มีมาเลย คงต้องรอการประชุมเป็นทางการก่อน เพราะมีขั้นตอนและคณะกรรมการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในมุมมองของนายกฯมองว่าสถานการณ์ต่อไปนี้จะเดินต่อไปอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ต่างๆคงรอเวลาในเรื่องการเลือกตั้ง เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีทางออกในเรื่องคำวินิจฉัย เรื่องการเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้หารือ ก็เชื่อว่าเราจะได้เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และพยายามที่จะมีรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด สิ่งนี้คงจะเป็นทางออกที่แก้ได้ และหวังว่ารัฐบาลใหม่จะนำหัวข้อหรือวาระต่างๆในการปฎิรูปในส่วนที่ผู้ชุมนุมร้องขอ และหน่วยอื่นๆ ทั้งภาคประชาชน เอกชน หน่วยงานต่างๆเข้าไปพิจารณาในเรื่องการปฏิรูปประเทศต่อไป
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาเป็นผลลบกับรัฐบาล และคำวินิจฉัยอาจส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลเอง เราได้ทำงานร่วมกับ กกต.อยู่แล้ว อย่างน้อยทางไหนก็ตามหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีทางออกที่ชัดเจน ให้การเลือกตั้งเดินต่อไปได้ไม่ว่ารูปแบบไหน
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่หลายฝ่ายระบุว่าอายุรัฐบาลจะสั้น นายกฯ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าหลายฝ่ายที่ประเมินนั้นอาจจะมองปัญหานี้รวมกัน เพราะจริงๆ แล้วในส่วนของรัฐบาลเอง อย่างในฐานะนายกรัฐมนตรีก็เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้นก็ต้องมีผู้ที่รักษาการ และตำแหน่งนี้จะไม่สามารถว่างเว้นได้ เพราะถ้าว่างเว้นไม่ว่าจะเป็นเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือกฎหมายสำคัญก็ไม่สามารถให้ใครมาดำเนินการต่อได้ ดังนั้นจึงเป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่จะเร่งให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้เกิดรัฐบาลใหม่ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะทำให้กลไกการเลือกตั้งไม่สามารถเดินได้โดยปกติ ก็อยากให้มองประเด็นทั้งสองอย่างแยกจากกัน
เมื่อถามว่า ได้มีความพยายามพูดคุยกับกกต.ให้จัดการเลือกตั้ง ส.ส.ควบคู่ไปกับ ส.ว. นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการเสนอแล้ว โดยรัฐมนตรีที่ไปหารือได้เสนอ เราก็หวังว่าทาง กกต.จะนำไปพิจารณา เพราะการให้มีการเลือกตั้งวันเดียวกันอาจจะเป็นผลดีเรื่องงบประมาณต่างๆ เพราะการจัดงบประมาณเลือกตั้งแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ถ้าจะได้พ่วงเข้าไปเป็นอีกวาระหนึ่งก็อาจจะทำให้การเลือกตั้งต่างๆ สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงอยู่ที่ทาง กกต.จะพิจารณา
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. ระบุว่าในสถานการณ์อันใกล้จะเกิดการปะทะกันระหว่างมวลชนสองฝ่าย ว่า ที่จริงแล้วตามรูปการที่หลายคนประเมินคือว่า ถ้าเหตุการณ์ผ่านไปนานๆ ก็อาจจะมีการปะทะกัน แต่ทั้งนี้ทั้งสองฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่และฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็ต้องพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะ ซึ่งวันนี้เองในส่วนของจุดตรวจต่างๆ เราได้ให้ ศรส.บูรณาการกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร ในการตรวจเรื่องอาวุธต่างๆ ทุกจุดอยู่แล้ว ก็พยายามที่จะระมัดระวังเรื่องนี้ ซึ่งเราก็ประคองสถานการณ์ผ่านไปได้หลายเดือนแล้ว ก็หวังว่าเราจะไม่มีอะไรที่รุนแรง
เมื่อถามถึงการจับอาวุธได้จำนวนมากขณะนี้ ได้มีการสั่งให้ตรวจสอบอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ในเบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้ทำการตรวจสอบตามหน้าที่อยู่แล้ว คงต้องรอการรายงานผลมา เพราะทุกฝ่ายทั้งด้านทหาร เจ้าหน้าที่ เราขอให้ทุกคนวางตัวเป็นกลางปฏิบัติอยู่ในหน้าที่ ดังนั้นขอให้ ผบ.ทบ.ได้ลงไปสอบถามและตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่นอนก่อน
เมื่อถามว่า มีการยิงวัตถุระเบิดใกล้บ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. คิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะร้อนแรงขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ต่างๆ อย่างที่เรียนว่าทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามที่จะดูแลอยู่แล้วก็ขอความร่วมมือไม่อยากให้ทุกคนเห็นการแก้ปัญหาด้วยวิธีที่รุนแรงเป็นทางออกของประเทศ เพราะว่าเราเจ็บปวดมามากแล้ว เราอยากให้ทุกคนสนับสนุนกลไกที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย วันนี้เราเสียเวลา เราเสียโอกาสต่างๆ และการยอมรับ ถ้าเราต่อสู้กันด้วยความรุนแรงและวิถีทางที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เราก็คงไม่รู้จะตอบต่างประเทศได้อย่างไร ว่าเราจะยืนหน้าในฐานะประเทศไทยที่จะเป็นศูนย์กลางอาเซียนต่อไป และให้ทุกๆ คนมีความมั่นใจและมาลงทุน ตนอยากเห็นทุกอย่างหันเข้าสู่การพูดคุยกันด้วยสันติวิธี และการแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตย และอยากเห็นกลไกการเลือกตั้งให้เกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตีจะความ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน หากเป็นผลลบจะกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร ว่าคงไม่สามารถประเมินได้ทันทีในวันนี้ ขอให้มีคำวินิจฉัยออกมาอย่างเป็นทางการก่อน เพราะมีเนื้อหาสาระแตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม หากคำวินิจฉัยเป็นผลลบก็ถือว่าเสียดายโอกาสที่ประเทศไทยของเราจะพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทิศทางในอนาคตต้องเรียนว่าแผนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านทุกๆ เส้นทางที่เรานำมาเสนอเป็นเส้นทางที่เราทำความเข้าใจและเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ก็เชื่อว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็แล้วแต่รัฐบาลใหม่จะรับไปพิจารณา
