กปปส.ดีเดย์รีสตาร์ทปฏิรูปจันทร์นี้!! “อิสสระ” ปัดพยายามฆ่ายามแดง-เวทีทำบัตรสื่อใหม่

“อิสสระ” ยันไม่ได้พยายามฆ่ายามแดง ชี้ถ้าเจอก็แค่ผลักออกไปได้ เชื่อถูกโยงเพราะเป็นที่รู้จัก ยันพร้อมมอบตัวหลังม็อบ งงออกหมายจับทั้งๆ ที่ไม่มีหมายเรียก ด้านเวทีจัดทำบัตรสื่อมวลชนใหม่ ขณะที่ “เอกนัฏ” เผยเริ่มกระบวนการปฏิรูปจันทร์นี้ ใช้ชื่อ รีสตาร์ทไทยแลนด์ปฏิรูปประเทศไทย ตั้งเวทีวิชาการและสมัชชาประชาชน เริ่ม 6 หัวข้อ แก้ยากจน, โกง, กระจายอำนาจ, ตำรวจ, การเมือง และราชการ

วันนี้ (8 มี.ค.) ความเคลื่อนไหวเวที กปปส.ที่สวนลุมพินี เมื่อเวลา 11.30 น.นายอิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส.กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับตนเองและพวก 5 คน ในข้อหา อาทิ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ จนได้รับอันตรายและบาดเจ็บสาหัส จากการที่ นายยืม นิลหล้า อายุ 33 ปี รปภ.ถูกคนร้ายรุมซ้อมทำร้ายร่างกายและถูกจับมัดแขนขาโยนแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตนจะต้องพาคนไปฆ่าคน ไม่ทราบว่าจะทำไปทำไมในการสั่งฆ่าแค่ นปช.คนเดียวที่ไม่ได้มีบทบาทอะไร หากพบแค่เอาขึ้นเวทีหรือผลักดันออกไปก็ได้ไม่ต้องฆ่ากัน

นายอิสสระ กล่าวว่า ตนอายุขนาดนี้แล้วจะฆ่าคนทำไม เรื่องนี้ที่เชื่อมโยงมายังตน เพราะอาจจะมีการพูดถึงชื่อตนที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว และเชื่อว่าการออกหมายจับนี้ก็มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง ซึ่งยืนยันความบริสุทธิ์และหลังจากชุมนุมเสร็จก็จะมอบตัวต่อสู้คดีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตนสงสัยว่าตามกระบวนการต้องออกหมายเรียกก่อน หากไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาก็ต้องออกหมายจับ แต่กรณีนี้ออกหมายจับทันที อย่างไรก็ตามพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับแกนนำแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมาการชุมนุมไม่มีการจัดกิจกรรมพิเศษ หรือมีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ใด ภายหลัง น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร แนวร่วม กปปส.เคลื่อนมวลชนบางส่วนไปยังวัดพระแก้ว โดยเพื่อปฏิญาณตนเนื่องในโอกาสวันสตรีสากลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยบนเวทีไม่มีการปราศรัยจากแกนนำหลักมีเพียงการแสดงร้องเพลงจากแนวร่วม กปปส.เท่านั้น

นอกจากนี้ ในพื้นที่สื่อมวลชนหลังเวทีปราศรัย มีการจัดทำบัตรประจำตัวสื่อมวลชนที่จะเข้าทำข่าวในพื้นที่ชุมนุมรูปแบบใหม่ เป็นสีเขียว มีรูปต้นหญ้า มีข้อความระบุว่า “หนึ่งเดียวคือแผ่นดินไทย PRESS ONE COUNTRY ONE NATION” โดยบัตรประจำตัวสื่อรูปแบบใหม่แต่ละใบจะมีเลขประจำบัตร เพื่อให้รู้ว่าใครเป็นผู้ถือบัตร โดยสื่อมวลชนต้องนำบัตรประจำตัวมาติดต่อลงทะเบียนขอรับบัตรดังกล่าว ขณะที่ภายในเต็นท์ของผู้สื่อข่าว ที่ผ่านมามีการติดตั้งกล้องวงจรปิด 1 ตัว เพื่อรักษาควาามปลอดภัยในพื้นที่ด้วย

ต่อมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส.กล่าวว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มี.ค.เวลา 10.00 น.แบบที่ศูนย์เยาวชน สวนลุมพินี จะเป็นการเริ่มต้นกระบนการปฏิรูปประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยการปฏิรูปประเทศไทยครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศ ภายหลัง กปปส.คิดว่าทางออกของประเทศมีอยู่ 2 ทาง ประกอบด้วย 1.แก้ปัญหาด้วยการใช้กำลัง สร้างความแตกแยก และแบ่งแยกประเทศ และ 2.แก้ปัญหาด้วยปัญญา และปฏิรูปประเทศไทย ซึ่ง กปปส.คิดว่าทางออกที่จริงคือการปฏิรูปประเทศ จึงเสนอทางออกด้วยการตั้งเวทีภาควิชาการและเวทีสมัชชาประชาชน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.เป็นต้นไป ในกิจกรรม “มวลมหาประชาชนเดินหน้าเปลี่ยนประเทศ” หรือรีสตาร์ทไทยแลนด์ปฏิรูปประเทศไทย

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ทั้งนี้ กระบวนการปฏิรูปประเทศที่ กปปส.จัดจะขึ้นจะถูกแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1.เวทีภาควิชาการ 2.เวทีสมัชชาประชาชน และ 3.สภาประชาชนกับรัฐบาลประชาชน ซึ่งกลุ่ม กปปส.จะเข้าไปดำเนินการใน 2 ขั้นตอนแรก ในเวทีภาควิชาการและเวทีสมัชชาประชาชน จากนั้นจะนำข้อสรูปของทั้ง 2 เวทีเสนอต่อให้สภาประชาชน โดยการจัดเวทีเสวนานั้นจะเน้นเนื้อหาว่า จะต้องรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง รวมถึงจะให้ประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย โดย กปปส.ใช้รูปแบบการนำเสนอใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพื่อให้การสื่อสารระหว่างการจัดเวทีเสวนามีประสิทธิภาพ อาทิ การเปิดโหวตขณะเสวนา หรือเปิดแอปพลิเคชัน เป็นต้น

สำหรับเวทีภาควิชาการจะมีหัวข้อว่า “ระดมปัญญาเดินหน้าเปลี่ยนประเทศ” แบ่งการเสวนาย่อยเป็น 6 หัวข้อหลัก มีนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมการเสวนา ประกอบด้วย 1.วันที่ 10 มี.ค.หัวข้อแก้ความยากจน ลดความเหลือมล้ำ จะมี นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีตกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศไทย และ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาปฏิรูป เข้าร่วมการเสวนา 2.วันที่ 12 มี.ค.หัวข้อการแก้ทุจริต คอร์รัปชัน จะมี นายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เข้าร่วมเสวนา 3.วันที่ 14 มี.ค. หัวข้อการรกะจายอำนาจ 4.วันที่ 17 มี.ค.หัวข้อการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ จะมี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ เข้าร่วมเสวนา 5.วันที่ 19 มี.ค.หัวข้อเสวนาการปฏิรูปการเมือง เลือกตั้ง และพรรคการเมือง และ 6.วันที่ 21 มี.ค.หัวข้อการปฏิรูประบบราชการ

“เมื่อมีข้อสรุปจากเวทีวิชาการแล้ว ก็จะโยนข้อสรุปทั้งหมดส่งต่อให้เวทีสมัชชาปฏิรูปดำเนินการต่อ เพื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมการเสวนา หรือไม่ได้เข้าร่วมการเสวนาได้แสดงความคิกเห็นทั้งในและนอกการปฏิรูปได้จากรูปแบบการสื่อสารใหม่ๆ ก่อนที่จะนำข้อเสนอทั้งหมดส่งต่อให้สภาประชาชน ”นายเอกนัฏ กล่าว