xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ตกใจ “ปู” มัวแต่ห่วงบังเกอร์ เมิน ปชช.ถูกยิง จี้ กกต.รอศาล รธน.ก่อนสั่งเลือกตั้งต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
โฆษกประชาธิปัตย์ ชี้ความรุนแรงถล่มฝั่งต่อต้านรัฐบาลต่อเนื่อง ตกใจ “ยิ่งลักษณ์” มัวแต่ห่วงบังเกอร์ทหารแทนประชาชน แขวะสงสัยรับคำสั่งชุดดำให้ย้ายฐาน ย้อนปี 53 ยังเคยนั่งท่ามกลางรั้วไม้ไผ่ค่ายสงคราม ถามติดป้ายแบ่งแยกดินแดนไม่กระทบความมั่นคงหรือ จวกแดงล้านนาเบี่ยงข้อเท็จจริงไม่อายปาก จี้ กกต.ชะลอเลือกตั้งจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยศาล รธน.

วันนี้ (8 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า กรณีที่มีมือปืนใช้อาวุธสงครามลอบยิงถล่มผู้ชุนนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่เวทีแจ้งวัฒนะ และยิงเข้าใส่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ถนนแจ้งวัฒนะ สะท้อนให้เห็นว่าความรุนแรงยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความรุนแรงเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล สิ่งที่น่าตกใจคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กลับไม่มีความเป็นห่วงประชาชน แต่กลับห่วงเรื่องของบังเกอร์ของทหาร ที่มารักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้กับประชาชน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีปัญหาอะไรกับความปลอดภัยของประชาชน เพราะไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งการปาระเบิดและกราดยิง ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่มีการตั้งบังเกอร์ของทหาร จำนวน 176 จุดทั่ว กทม.เหตุการณ์ความรุนแรงลดลง โดยไม่ได้ยินข่าวว่ามีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ในเวลากลางคืนและเรื่องของชายชุดดำ ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับคำสั่งจากชายชุดดำมาหรือไม่ ว่าทำงานยาก เพราะแปลกใจว่านายกรัฐมนตรีของไทยกำลังเป็นห่วงว่าประชาชนจะปลอดภัย

นายชวนนท์ กล่าวว่า ขอถามว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นายกฯของไทย ไม่พอใจที่ประชาชนปลอดภัยจากการดูแลของทหาร นอกจากนี้ เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นบังเกอร์ของทหารแล้วระบุว่าส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวนั้น ตนขอถามว่าจำได้หรือไม่ว่าเมื่อปี 2553 ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์ในผู้ชุมนุมที่มีอาวุธ พร้อมมีการล้อมรอบด้วยรั้วไม้ไผ่และถังแก๊ส เหมือนเป็นค่ายสงคราม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับบอกว่า ไม่มีปัญหา อย่างนั้นถือว่าเป็นเชิงการท่องเที่ยวหรือไม่ เราจึงต้องตอกย้ำในเรื่องนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ความเสียหายให้ประเทศไทยแค่ไหน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการติดป้ายผ้าประกาศแบ่งแยกดินแดนทั่วประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่คิดว่ามีผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศหรืออย่างไร กลับไปสนใจประเด็นเล็กน้อยอย่างเรื่องของบังเกอร์ ทั้งที่การแบ่งแยกดินแดนนั้นมีความคิดในเรื่องนี้จริง การที่กลุ่ม สปป.ล้านนา พยายามจะเบี่ยงเบนประเด็นว่าย่อมาจาก ?สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา? นั้น เป็นการโกหกเพราะตัวอักษรย่อที่แท้จริงของคำดังกล่าวคือ “สปล.” ขณะที่ สปป.ล้านนา คือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา แต่เมื่อทหารเอาจริง กลุ่มดังกล่าวกลับเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงอย่างไม่อาย ทั้งที่ตัวอักษรย่อที่แท้จริงมีความแตกต่างกัน

นายชวนนท์ กล่าวว่า ปัญหาอย่างนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ให้ความสนใจเลย กลับบอกว่าเป็นเรื่องของอารมณ์และความไม่ยุติธรรม ตนคิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ หมดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯต่อไปโดยสิ้นเชิง ไม่ดูแลความปลอดภัยของประชาชน แต่กลับทำให้ประชาชนไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังไม่สนใจการแบ่งแยกดินแดน กลับให้ท้ายและแก้ต่างมาตลอด อย่างไรก็ตาม ขบวนการแบ่งแยกดินแดนยังเดินหน้าต่อไป โดยที่ประชาชนไม่สามารถหวังพึ่งรัฐบาลได้เลย แต่ต้องหวังพึ่งทหารกับประชาชนที่ต้องหยุดยั้งกระบวนการดังกล่าว ทั้งนี้ ตนขอให้กำลังใจการทำหน้าที่ของทหาร

นายชวนนท์ ยังแถลงถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องของนายกิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเป็นโมฆะว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ชะลอการทำงานในการกำหนดวันเลือกตั้งออกไปก่อน โดยควรรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา เพราะ กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นกัน

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เพราะขณะนี้มี 2 คำร้อง จึงไม่มีเหตุผลใดที่ กกต.กับผู้สมัครของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคเพื่อไทย จะต้องไปเร่งรีบหรือกดดันให้มีการลงคะแนนและกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เพราะถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็จะทำให้กระบวนการเลือกตั้งสิ้นเปลืองงบประมาณ ที่มาจากภาษีโดยใช่เหตุ และเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเผชิญหน้าในพื้นที่ต่างๆ ที่ยังมีความรุนแรง รวมถึงจะสร้างเงื่อนไขของความขัดแย้งเพิ่มและซับซ้อนมากขึ้น จึงขอให้ทุกฝ่ายรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่ต้องดื้อดึงหรือฝืนเดินเพื่อให้ปัญหานี้สร้างความวุ่นวายไม่รู้จบให้กับประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น