xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ยื่น ป.ป.ช.-ศาล ฟันรัฐปล่อยสาวกแยกดินแดน หวั่นเพิ่มปัญหาเลือก ส.ส.พร้อม ส.ว.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
มือ กม.ปชป.จ่อร้อง ป.ป.ช.เอาผิดนายกฯ พร้อมพวกฐานผิดอาญา ม.157 ปล่อยสาวกปลุกปั่นแยกประเทศ ก่อนกระทืบซ้ำยื่นศาล รธน.ผิด ม.68 ล้มการปกครอง “จุฤทธิ์” แนะรอศาลวินิจฉัยเลือกตั้ง อย่าฝืนเลือก ส.ส.-ส.ว.วันเดียวกัน หวั่นยิ่งสร้างปัญหา เย้ย “ขี้ข้าปึ้ง” เก่งเชิญทูต จี้แจงโกงจำนำข้าวโชว์ “ราเมศ” ตอกขี้ข้าแม้ว ย้ำทุกนโนบายที่แถลงในสภาอยู่ใต้กฎหมาย ป.ป.ช. ชี้ยิ่งมัดนายกฯ เอี่ยวโกงจำนำข้าว

วันนี้ (7 มี.ค.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าวันนี้ เวลา 11.30 น.ฝ่ายกฎหมายพรรคได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินคดีต่อนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. นายอนุวัติ ชินราช แกนนำ นปช.โคราช พร้อมพวกรวม 13 คนรวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมีหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากนายจารุพงศ์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชาข้าราชการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกแห่ง และมีอำนาจสั่งยับยั้ง สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการได้ และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจบังคับบัญชาดูแลความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่กลับปล่อยให้แกนนำของพรรคเพื่อไทยและ นปช.ได้กล่าวยุยงบนเวที อาทิ ต้องเตรียมกำลังสำคัญ ต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญ 50 ประกาศปลดตุลาการศาลแพ่ง รวมถึงประกาศแบ่งแยกประเทศ ซึ่งนายจารุพงศ์ได้ยืนยันบนเวทีว่าพร้อมรับข้อเสนอทุกข้อไปดำเนินการ และยังกล่าวร้ายองค์กรอิสระ องค์กรตุลาการ รวมถึง ป.ป.ช.อย่างเต็มที่ รวมทั้งยังมีการสวนสนาม ขึ้นป้ายแบ่งแยกประเทศ ถือเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความเสียหาย ถือมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงจะไปยื่นตามมาตรา 275 ของคดีอาญาต่อ ป.ป.ช.ในวันนี้ และเตรียมยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าเข้าข่ายผิดตามมาตรา 68 ฐานล้มล้างการปกครองด้วย

“ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะที่รับผิดชอบถือมีความผิดตามมาตรา 157 เป็นการปล่อยให้มีการยุยงให้ละเมิดรัฐธรรมนูญ ยุยงให้เกิดความปั่นป่วนในราชอาณาจักร ยุยงให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรร้ายแรง โดยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทยที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่ห้ามปรามและกลับจะรับข้อเสนอไปดำเนินการต่อ” นายวิรัตน์กล่าว

ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จัดการเลือกตั้ง ส.ส.28 เขตพร้อมการเลือกตั้ง ส.ว.ว่าควรจะรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน และหากมีการเลือกตั้งพร้อมกันดังกล่าว จะหากรรมการประจำหน่วยให้พอเพียงได้อย่างไร เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาไม่มีกรรมการประจำหน่วย และจะทำให้การเลือกตั้งส.ว.มีปัญหาไปด้วย อีกทั้งจะสร้างความสับสนให้กับประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์ เพราะเบอร์ผู้สมัครส.ส.และส.ว.อาจซ้ำกัน ซึ่งแทนที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งส.ส.จะกลายเป็นการสร้างปัญหาทั้งการเลือกตั้งส.ส.และส.ว.

ส่วนที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศจะเชิญเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มาชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทยนั้น รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าอยากเตือนว่าควรจะทบทวนและไปตั้งหลักให้ดีก่อน เพราะเกรงว่านานาชาติหัวเราะเยาะ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาล และเห็นว่าควรจะเชิญต่างชาติมาชี้แจงเรื่องการแก้ไขปัญหาจากโครงการนำจำข้าว หรือแนวทางการระบายข้าวจะได้ประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุถึงคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.ว่า ข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.เป็นการคุกคามเสรีภาพของนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของรัฐสภาว่า ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยระบุ ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย เพราะทุกโครงการที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบาลที่แถลงต่อรัฐสภา อยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการทุจริต เช่น กฎหมาย ป.ป.ช. กฎหมายอาญา ไม่เช่นนั้นหากนักการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเข้ามาคิดโครงการที่จะทุจริตโกงกินแล้ว แถลงนโยบายดังกล่าวต่อรัฐสภา เมื่อทุจริตแล้วก็จะเป็นข้อยกเว้น เพื่อไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งขัดหลักกฎหมายที่แท้จริงและไม่ถูกต้อง เพราะคนเป็นนักกฎหมายอย่าพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพียงเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน แต่ต้องพูดเพื่อให้คงไว้ซึ่งหลักความถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และการดำเนินการของ ป.ป.ช.ก็ไม่ใช่การคุกคาม แต่เป็นการปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรมภายใต้กฎหมาย

“หากจะคุกคามก็คงเป็นการคุกคามเสรีภาพของคนที่โกงบ้านโกงเมืองมากกว่า เพราะขณะนี้กลับปรากฏชัดว่า คนที่ถูกคุกคามไม่ใช่นายกรัฐมนตรีแต่เป็น ป.ป.ช.ที่ถูกคุกคามอย่างหนักทั้งระเบิดและปืน รวมถึงมวลชนกดดัน และที่สำคัญต้องขอบคุณทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ เพื่อเพิ่มน้ำหนักพยานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเป็นการยอมรับว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีและฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ร่วมรู้เห็นในทุกกระบวนการ”


กำลังโหลดความคิดเห็น