ที่ปรึกษา กม. “นช.แม้ว” ปัดแนวคิดแดงแยกประเทศ พท.ไม่หนุน ชี้ กปปส.ยุบเวทีเรื่องดี เชื่อเจรจาคือทางออก แต่อยู่ใต้ รธน. เชื่อเร็วๆ นี้ได้คุยกัน แนะคุยทางลับ กล้าพูดนายใหญ่ไม่เกี่ยว หน.เพื่อแม้ว แจงไร้เหตุแยกดินแดน โวยเจอป้ายสี “ประชา” เผยสัปดาห์หน้าเดินสาย จว.รอบกรุงเปิดประเทศ อ้างรวมคนเป็นหนึ่งเดียว
วันนี้ (3 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีการเชื่อมโยงพรรคเพื่อไทยกับท่าทีของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีแกนนำบางคนเสนอแนวคิดแยกประเทศว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากรัฐธรรมนูญได้ ขอยืนยันว่าพรรคไม่สนับสนุนการแบ่งแยกประเทศ ส่วนการยุบรวมเวทีของ กปปส.นั้น เห็นด้วยกับการคืนพื้นที่ให้คนกรุงเทพฯ จะได้ใช้ชีวิตตามปกติ เศรษฐกิจจะได้พัฒนาขึ้นด้วย ส่วนตัวยังเชื่อว่าการพูดคุยจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ แต่การพูดคุยต้องอยู่บนหลักของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ข้อเรียกร้องใดๆ ที่อยู่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญรัฐบาลคงไม่สามารถทำได้
เมื่อถามว่ามีการประสานการพูดคุยกับกลุ่ม กปปส.หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มี แต่เชื่อว่าเร็วๆ นี้คงได้พูดคุยกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องคุยอย่างเปิดเผย คุยกันทางลับดีกว่า เพราะไม่ใช่การเป็นการโต้วาที เมื่อถามว่าการพูดคุยจำเป็นต้องมี พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายนพดลตอบว่า นายกฯ มีอำนาจตัดสินใจในทุกเรื่อง ไม่จำเป็นต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแบ่งแยกดินแดน ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการให้ร้ายป้ายสีกันมากกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะไปแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นไม่ขอพูดอะไรอีก เพราะพูดไปก็จะเอาไปตัดต่อว่าจะมีการแบ่งแยกดินแดน อย่างที่ตนพูดไปก็ไม่ได้พูดอย่างนั้น แค่จะเตือนว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ส่วนการมาบอกว่าคืนพื้นที่เพราะเห็นใจประชาชน ความรู้สึกนี้ช้าไป 3 เดือน เพราะคิดแต่จะกดดันรัฐบาล
ด้านนายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะจัดกิจกรรมรณรงค์ ขับเคลื่อนมวลชนรวมพลโอเพ่นประเทศไทย โดยมีสัญลักษณ์รูปหัวใจเขียนข้อความภายในว่า OPEN ทั้งขึ้นบิลบอร์ด และทำเป็นเสื้อยืด เริ่มรณรงค์ที่ปริมณฑล จังหวัดรอบๆกรุงเทพฯ เชิญชวนคนทุกสีทุกฝ่ายให้มาร่วมกันเปิดประเทศหลังจากถูกกลุ่มกปปส.ชัตดาวน์ ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งแยกประเทศ เราจะเอาคนกลับมารวมเป็นหนึ่งเดียว นำความสงบสุขกลับคืน จะเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนรณรงค์เรื่อยไปถึงส่วนราชการต่างๆ ขอให้ทุกคนเข้ามาร่วมสร้างความสามัคคี ลดรอยร้าวแตกแยก เทิดทูนสถาบัน สร้างประชาธิปไตย ล้างสิ่งสกปรก ล้างพวกชั่วร้ายที่คิดจะล้มล้างการปกครองหรือฉีกรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาระบุว่า “ตามที่มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งกล่าวหาใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยและกล่าวอ้างว่าจะยื่นยุบพรรคเพื่อไทยตามมาตรา 68 โดยกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง และขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง พรรคยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และยึดมั่นว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวที่จะแบ่งแยกมิได้ พรรคยึดมั่นนโยบายชัดเจน ที่ต้องการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งเขตอำนาจรัฐ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นักการเมืองกลุ่มนี้ ยุติการใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยด้วยความเท็จในประเด็นที่สำคัญและอ่อนไหวทางการเมืองเช่นนี้ และขอให้ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พรรคมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยที่ประชุมมีการหารือถึงกรณีมีข่าวการแบ่งแยกดินแดน โดยที่ประชุมเห็นว่าคนเสื้อแดงเองก็ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แล้ว ที่ประชุมจึงไม่ได้กังวลใจอะไร เชื่อว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาสามารถที่จะชี้แจงได้ ส่วนกรณีที่ทางกองทัพระบุว่ามีหลักฐานนั้น ก็สามารถที่จะดำเนินการทางกฎหมายได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้มาตรฐานเดียวอย่าทำสองมาตรฐาน
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า กรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ออกมาปฏิเสธว่าการยุบเวทีชุมนุมทั้งหมดไปยังสวนลุมพินี ไม่มีเรื่องเงิน 500 ล้านบาทมาเกี่ยวข้องนั้น อยากถามว่าในวันที่ 27 ก.พ. มีการชุมนุมร่วมกันของภาคธุกิจกว่า 50 คน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสีลม เพื่อพิจารณาความเสียหายธุรกิจ ก่อนยื่นข้อเสนอไปยังนายสุเทพ จริงหรือไม่ และนายสุเทพบอกว่าขอคิดคืนหนึ่งก่อนให้คำตอบวันที่ 28 ก.พ. จริงหรือไม่ ขอให้คนสนับสนุนสุเทพทบทวนว่าการย้ายเวทีเป็นไปด้วยเหตุผลใด เพราะแกนนำคนอื่นๆ เช่น พระพุทธะอิสระ แกนนำคปท. ไม่เห็นด้วย และไม่รับรู้ด้วย อยากให้ตรวจสอบการคืนเวทีโดยง่ายแบบสายฟ้าแลบ ฝนไม่ทันตั้งเค้า ทั้งที่ชุมนุมมานานคืออะไร ผู้ชุมนุมบางคนต้องนอนกลางดินกินกลางทราย แต่แกนนำกินหรูและน่าจะมีเงินทอนอีกต่างหาก ช่วยตรวจสอบพวกเดียวกันด้วยอย่าให้เขาหลอก
"การกินน้ำชาในคืนวันที่ 27 ก.พ.ที่นายสุเทพบอกว่าขอคิดก่อนหนึ่งคืนนั้น เพราะข้อเสนอครั้งแรกเสนอแค่ฝน 200 ห่าเท่านั้นใช่หรือไม่ ในวันที่ 28 ก.พ.ก่อนที่จะประกาศยุบเวทีจึงมีการชี้แจงค่าใช้จ่ายต่างๆ ว่า ต้องมีการชุมนุมยืดเยื้อถึงช่วงเดือนเมษายน จนเป็นที่มาของข้อเสนอสุดท้ายที่ฝน 500 ห่า จนมีการประกาศยุบเวทีแบบช็อคแกนนำด้วยกันใช่หรือไม่ ยืนยันว่าไม่ใช่การกล่าวหา แต่เมื่อมีนักธุรกิจบางคนที่เขาไม่เต็มใจจ่ายนำข้อมูลมาให้ว่า เขาต้องเสียภาษีให้รัฐแล้วยังต้องมาเสียภาษีเถื่อนเพิ่มอีก จึงต้องถามนายสุเทพว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่" นายพร้อมพงศ์กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทยตามมาตรา 68 รวมทั้งกล่าวหานายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ และทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 นั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบนั้น เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นทีมกฎหมายของพรรคจะฟ้องกลับข้อหาร้องเท็จ เพราะเรามั่นใจว่านายจารุพงศ์ไม่ได้ทำความผิดตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด เป็นแค่เกมการเมืองมุ่งโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือพรรคเพื่อไทย และระหว่างนี้มีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งอยู่ ฉะนั้นภายในสัปดาห์นี้จะร้องกับกกต.กรณีทำให้พรรคเพื่อไทยและสมาชิกเสียคะแนนนิยม
นายพร้อมพงศ์ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำ กปท. ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสภาพการเป็นรัฐบาลรักษาการรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ก็มองว่าเป็นเกมการเมืองทำลายความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยตรวจสอบแล้วว่า ถ้านับจากวันเลือกตั้ง 30 วัน ถึงวันที่ 4 มี.ค. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 127 ไม่ได้ตีความมาตราเดียว ยังมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ ระบุให้รัฐบาลทำหน้าที่รักษาการจนมีรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ได้กำหนดอายุรัฐบาลเอาไว้ ฉะนั้นทีมกฎหมายมองว่ารัฐบาลยังไม่หมดอายุ รักษาการต่อไปได้ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามเรียกร้องไปยังกกต.ให้รีบดำเนินการเลือกตั้งในส่วนที่เหลือให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ สำหรับกรณีที่กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ การออกพ.ร.ฎ.เลือกตั้งนั้น มองว่าเป็นการซื้อเวลา โยนภาระไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้กกต.สามารถดำเนินการได้เองอยู่แล้ว