“ประชา” กุข่าว กปปส.ซ่องสุมกำลังใน กทม.งัดมุกยอมตายตามนายกฯ พท.สั่งสมุนตั้งกองกำลัง ให้ผู้สมัครทุกเขตเป็นหัวหน้าพื้นที่ พร้อมจัดแคมเปญชัตดาวน์ กปปส.สุดฮามีพิธีกรรมล้างใจคนบาป นัดว่าที่ ส.ส.4 มี.ค.กดดันขอเปิดสภา ทั้งที่ กกต.ยังไม่รับรอง “เด็จพี่” ป้อง “ปู” ไม่เกี่ยวจัดเลือกตั้งไม่เสร็จ โบ้ย กกต.ต้องรับผิดชอบเต็มๆ เล็งยื่นยุบ ปชป.เพิ่ม จี้ กสม.ปรามพฤติกรรม กปปส.คุกคาม “หมวดเจี๊ยบ-หญิงอ้อ”
วันนี้ (28 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย นายประชา ประสพดี รักษาการ รมช.มหาดไทย และผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบข่าวมีการซ่องสุมกำลังเตรียมปฏิบัติการบางอย่างในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่มาจากการเลือกตั้ง เตรียมตัวตั้งเป็นเครือข่ายอาสาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ปกป้องประชาธิปไตย โดยว่าที่ ส.ส.ทุกเขตจะเป็นผู้นำทัพกองกำลังประชาชน ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วันที่ 4 มี.ค.จะรวมตัวกันที่รัฐสภาเพื่อแสดงพลัง เหมือนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ประกาศปกป้องรัฐธรรมนูญ ยอมตายในระบอบประชาธิปไตย เบื้องต้นได้วางมาตรการชัตดาวน์กลุ่ม กปปส.และกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยอื่นๆ 4 รูปแบบ คือ 1.มาตรการทางสังคม บอยคอตธุรกิจ สินค้า ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยง หากเป็นธนาคารก็จะถอนเงิน หยุดจ่ายหนี้ 2.มาตรการทางกฎหมาย แจ้งความศาลแพ่งทั่วประเทศ เพื่อเอาผิดกรณีสร้างความเสียหาย รวมทั้งการเสียโอกาสทำมาหากิน 3.มาตรการภาคประชาชน รวมพลังแสดงการต่อต้านอย่างต่อเนื่อง 4.มาตรการทางวัฒนธรรม ศีลธรรม ทำพิธีกรรมต่างๆ คลีนนิงล้างใจคนบาป โดยจะรณรงค์ทุกภาคส่วนนักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ คนทำงาน เรื่อยไปจนถึงคนแก่คนเฒ่า กระจายต่อเป็นลูกโซ่
ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 10.00 น.ผู้สมัคร ส.ส.จากหลายพรรคที่คาดว่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.จะเดินทางไปร่วมตัวกันที่รัฐสภา เพื่อหารือกับนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างในระหว่างที่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศอย่างเป็นทางการ ตอนนี้แม้ยังไม่ได้รับการรับรอง แต่ต้องการทำงานก่อน เพื่อให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจเลือกตั้งเข้ามา ต้องการผลักดันการปฏิรูปประเทศ รัฐธรรมนูญ การเมือง และกระบวนการยุติธรรมได้
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าหลังการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.จะต้องมีการเปิดสภาภายใน 30 วัน หรือในวันที่ 3 มี.ค.โดยต้องได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หรือ 475 คน มิเช่นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้ง กกต.จะต้องรับผิดชอบว่า เรื่องนี้คนรับผิดชอบไม่ใช่นายกฯ แต่ กกต.ทั้ง 5 คนต้องรับผิดชอบและตอบคำถามสังคม นายอภิสิทธิ์ควรตั้งคำถามไปที่ กกต.ว่าทำไมไม่จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จในเวลาที่กำหนด ส่วนที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่เพื่อรักประชาธิปไตย แต่ขออยู่เพื่อรักษาตัวเองนั้น เป็นการกล่าวหาต่างกรรมต่างวาระ ฉะนั้นจะรวบรวมหลักฐานยื่นเรื่องให้ กกต.เพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยยื่นให้ กกต.ตรวจสอบว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์เป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อาจส่งผลให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า วันเดียวกันนี้ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่ม กปปส.รวมทั้งขอให้มีหนังสือถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.สั่งห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมโดยเฉพาะการ์ด กปปส.กระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่นอีก หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การข่มขู่ คุกคาม เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนถึง 2 กรณีติดต่อกัน คือเมื่อวันที่ 25 ก.พ.การ์ด กปปส.ควบคุมตัว ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และวันที่ 27 ก.พ.นายณัฐพล และนางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส.วิ่งไล่เป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนสงสัยเหมือนกันว่าการชุมนุมของ กปปส.เกือบ 4 เดือนที่ผ่านมา มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายครั้งหลายครา แต่เหตุใด กสม.นิ่งเฉยไม่ออกมาแสดงบทบาทอะไรเลย มันจึงส่งผลให้การละเมิดสิทธิรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้หลังจากที่พรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือไปแล้วหาก กสม.ยังนิ่งเฉยอีก ก็จำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายกับ กสม.ต่อไป
ส่วนกรณีที่ นายสุเทพ ยื่นข้อเสนอในการเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยขอเจรจากตัวต่อตัวและมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์นั้น โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นแค่เกมการเมือง ในลักษณะอาศัยออกทีวีดีเบตโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ มากกว่า นายสุเทพหวังปลุกระดมและเลี้ยงกระแสมวลชน หลอกให้ชุมนุมต่อไป เพราะคนลดจำนวนลงเรื่อยๆ จากการชุมนุมยืดเยื้อ ไร้จุดยืน ทั้งนี้การพูดคุยเป็นเรื่องที่ดี แต่การถ่ายทอดสดผ่านทีวีไม่เกิดประโยชน์ และนี่อาจเป็นกับดัก เพราะศาลอาญาได้ออกหมายจับนายสุเทพในข้อหากบฏ หากนายกฯ ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารไปออกทีวีด้วย อาจถูกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลร้องเอาผิดนายกฯ ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อองค์กรอิสระ เช่น ป.ป.ช.ได้ วันนี้เห็นชัดเจนว่านายสุเทพไม่มีความจริงใจแก้ปัญหา หากต้องการเจรจาจริงๆ ควรยุบพื้นที่ชุมนุมในหลายๆ จุด และเอามวลชนที่ปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น กระทรวงมหาดไทย ออกไป อย่าทำแบบปากว่าตาขยิบ