ส.ว.ชี้ความเดือดร้อนของชาวนากับเรื่องการทุจริตต้องแยกจากกัน เผยแม้รัฐบาลไปแล้วก็ต้องใช้หนี้ ชี้โครงการรับจำนำข้าวเดินหน้าต่อไม่ได้แล้ว ต้องตั้งหลักว่าช่วยชาวนาให้รายได้เพิ่มยังไง ชี้โครงการจำนำข้าว 2 ปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องดี แต่นำข้อมูลที่ผิดมาตั้งโจทย์
วันนี้ (25 ก.พ.) นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเกษตร วุฒิสภา กล่าวถึงปัญหาการจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวว่า ต้องดูว่าในการประชุม ครม.วันนี้จะพิจารณาอนุมัติเงินเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างไร และเมื่อเสนอไปยัง กกต.จะเห็นชอบให้ดำเนินการอย่างไร ถ้า กกต.เห็นด้วยปัญหาหนี้สินของชาวนาก็จะบรรเทาเบาบางลงได้ แต่ถ้าไม่ได้รัฐบาลก็ต้องกลับมาดูว่าจะสามารถหาเงินที่มีอยู่เพื่อหยิบมาใช้ หรือเป็นการกู้โดยกระทรวงการคลัง หรือชาวนากู้ แต่รัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน นอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางคือการเร่งขายข้าวในสต็อกข้าวที่มีอยู่ โดยให้ทุกจังหวัดเป็นผู้ขายหรือจัดการประมูลเอง จะทำให้สามารถระบายข้าวได้รวดเร็วกว่าการขายในส่วนกลาง
“เรื่องความเดือดร้อนของชาวนา กับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล จะต้องแยกออกจากกัน เพราะหลักของการเป็นหนี้ มีเจ้าหนี้เราก็ต้องจ่ายหนี้ให้เขา ถ้าไม่มีก็ต้องไปกู้หรือหยิบยืม หากรัฐบาลมีปัญหาในเรื่องทุจริตแล้วจะไม่ใช้หนี้ให้ชาวนา ก็ไม่ได้ เว้นแต่การออกใบประทวนใดที่มีปัญหาส่อว่าทุจริตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วก็ต้องใช้หนี้ให้กับชาวนา อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เดินหน้าต่อไม่ได้แล้ว ต้องหยุดและกลับมาตั้งหลักว่าจะช่วยหารายได้เพิ่มขึ้นให้กับชาวนาได้อย่างไร ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาลไม่ได้ตอบโจทย์ ไม่ได้วางแผนเตรียมการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่เป็นโครงการที่ดี แต่นำข้อมูลที่ผิดมาตั้งโจทย์จึงเกิดปัญหาเช่นนี้” นายวิชาญกล่าว
วันนี้ (25 ก.พ.) นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเกษตร วุฒิสภา กล่าวถึงปัญหาการจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวว่า ต้องดูว่าในการประชุม ครม.วันนี้จะพิจารณาอนุมัติเงินเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างไร และเมื่อเสนอไปยัง กกต.จะเห็นชอบให้ดำเนินการอย่างไร ถ้า กกต.เห็นด้วยปัญหาหนี้สินของชาวนาก็จะบรรเทาเบาบางลงได้ แต่ถ้าไม่ได้รัฐบาลก็ต้องกลับมาดูว่าจะสามารถหาเงินที่มีอยู่เพื่อหยิบมาใช้ หรือเป็นการกู้โดยกระทรวงการคลัง หรือชาวนากู้ แต่รัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน นอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางคือการเร่งขายข้าวในสต็อกข้าวที่มีอยู่ โดยให้ทุกจังหวัดเป็นผู้ขายหรือจัดการประมูลเอง จะทำให้สามารถระบายข้าวได้รวดเร็วกว่าการขายในส่วนกลาง
“เรื่องความเดือดร้อนของชาวนา กับเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล จะต้องแยกออกจากกัน เพราะหลักของการเป็นหนี้ มีเจ้าหนี้เราก็ต้องจ่ายหนี้ให้เขา ถ้าไม่มีก็ต้องไปกู้หรือหยิบยืม หากรัฐบาลมีปัญหาในเรื่องทุจริตแล้วจะไม่ใช้หนี้ให้ชาวนา ก็ไม่ได้ เว้นแต่การออกใบประทวนใดที่มีปัญหาส่อว่าทุจริตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้วก็ต้องใช้หนี้ให้กับชาวนา อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เดินหน้าต่อไม่ได้แล้ว ต้องหยุดและกลับมาตั้งหลักว่าจะช่วยหารายได้เพิ่มขึ้นให้กับชาวนาได้อย่างไร ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาลไม่ได้ตอบโจทย์ ไม่ได้วางแผนเตรียมการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทั้งที่เป็นโครงการที่ดี แต่นำข้อมูลที่ผิดมาตั้งโจทย์จึงเกิดปัญหาเช่นนี้” นายวิชาญกล่าว
