พิจิตร - ผู้ว่าฯ เมืองชาละวัน สั่งตามหาต้นตอขบวนการฉาว ขนข้าวเขมรสวมสิทธิจำนำข้าวในพิจิตร ล่าสุด พบโรงสีต้นตอเป็นโรงสีเก่าปิดดำเนินการแล้ว มีคนแก่อยู่โยงเฝ้าคนเดียว แถมเคยถูกอ้างชื่อเวียนเทียนข้าวสารที่อยุธยามาก่อน
วันนี้ (23 ก.พ.) นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงข้าวเขมรที่ถูกขนมาพักในโรงสีเขต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ก่อนกระจายส่งโรงสีต่างๆ นำไปสวมสิทธิโครงการจำนำข้าวว่า ได้สั่งการให้ตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อตามหาขบวนการสวมสิทธิแล้ว
โดยนายมนตรี ชุนศิริทรัพย์ นายอำเภอตะพานหิน ตำรวจ และการค้าภายในจังหวัด ลงพื้นที่หาข้อมูลพบว่า มีโรงสีแห่งหนึ่งที่เจ้าของกิจการเป็นคนสูงอายุอยู่เฝ้าโรงสี และไม่ได้เปิดดำเนินกิจการ อีกทั้งไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำข้าว แต่ยังมีใบอนุญาตดำเนินกิจการอยู่ ซึ่งก็มีรายงานว่ามีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำข้าวสารครั้งนี้
แต่เมื่อตรวจสอบก็ได้ข้อมูลลึกลงไปอีกว่า ชื่อโรงสีแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ที่ อ.ตะพานหิน เคยมีชื่อและเป็นคดีความเรื่องการจำนำข้าว และนำข้าวสารไปเวียนเทียนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่พอสอบสวนพบว่ามีคนใช้เอกสารปลอมแอบอ้างชื่อโรงสีที่แห่งนี้ไปดำเนินการ ดังนั้น โรงสีแห่งนี้จึงรอดพ้นความผิด
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้กลับมีชื่อปรากฏเนำเข้าข้าวจากประเทศกัมพูชาซ้ำรอยขึ้นอีก ก็ต้องสอบสวนว่าเป็นกลุ่มเดิมที่ใช้หลักฐานเก่าในการขออนุญาตสั่งซื้อข้าวจากเขมรหรือไม่
นายสุรชัย กล่าวว่า ที่จริงแล้วถ้ามีสินค้านำเข้า ต้นทางก็ต้องทำเอกสารส่งถึงส่วนราชการปลายทาง แต่กรณีนี้ไปค้นหาแล้วไม่มีต้นเรื่องว่ามีการนำเข้าข้าวสารจากกัมพูชาแต่อย่างใด แต่เมื่อกมธ.วุฒิสภา ยืนยันว่ามีจริง ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการข้าวระดับจังหวัด (กขจ.) ก็จะไม่ทิ้งประเด็นนี้เด็ดขาด เพราะ จ.พิจิตร มีตำนานขบวนการโกงโครงการรับจำนำข้าวในทุกรูปแบบ ซึ่งจะต้องกวาดล้างให้หมดสิ้นต่อไป
ทั้งนี้ กรณีขบวนการนำเข้าข้าวเขมรมาสวมสิทธิจำนำข้าวใน จ.พิจิตรนั้น พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี รองประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ระบุไว้ขณะนำคณะเดินทางมาตรวจสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของจังหวัดพิจิตร ว่า มีข้าวสารนำเข้าจากประเทศเขมร 4 หมื่นตัน ด้วยวิธีเสียภาษีศุลกากรเป็นปลายข้าวแค่ กก.ละ 1 บาท แต่แท้ที่จริงเป็นข้าวสาร 5% คุณภาพต่ำ ราคารถสิบล้อละ 2-3 หมื่นบาท มาเวียนเทียนจำนำใน จ.พิจิตร ได้เกือบ 2 แสนบาท