“สุริยะใส” ชี้สถานการณ์ขยายตัวเป็นปัญหาความมั่นคงชาติ หนักกว่าปี 53 ผู้บริสุทธิ์ตายต่อเนื่อง ระบุมือยิงเอ็ม 79 โยงชุดดำช่วงเผาเมือง ยันไม่บังเอิญบริบทพ่วงแดงประกาศแยกประเทศ สับพวกพูดการเมืองแก้ด้วยการเมืองไม่ยอมรับความจริง ถามกองทัพควรตัดสินใจบางอย่างหรือยัง เลิกอ้างไม่มีกฎหมายยอมรับ ลั่นสังคมน่ากลัวเพราะคนปราบผู้ร้ายนิ่งเฉย
วันนี้ (25 ก.พ.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ตนเห็นว่าสถานการณ์ความรุนแรงในขณะนี้ขยายตัวเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศไปแล้ว มีแนวโน้มรุนแรงมากกว่าความขัดแย้งทางการเมืองปี 2553 การใช้อาวุธสงคราม โดยเฉพาะ M79 ถี่ขึ้น และแทบทุกครั้งทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตายและเสียชีวิตจำนวนมาก ที่น่าเป็นห่วงที่สุดปฏิบัติการยิง M79 ไม่จำกัดพื้นที่บริเวณที่ชุมนุมเท่านั้น แม้กระทั่งยิงถล่มศาลก็เกิดขึ้นแล้ว กองทัพโดย ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร.ก็ออกมายอมรับว่าปฏิบัติการดังกล่าวเชื่อมโยงกับกองกำลังชุดดำปี 2553 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยอมรับว่าเป็นการก่อการร้าย
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า นอกจากนี้หากพิจารณาบริบทของสถานการณ์ยังมีความแหลมคมมากกว่าปี 2553 เช่น การยิงถล่มศาล ขู่ปิดศาล ปิดองค์กรอิสระ ขึ้นป้ายแยกประเทศ ล้มเจ้า ชูธงคอมมิสนิสต์ ฯลฯ มันไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือไม่เชื่อมโยงกันเลย ระหว่างการสร้างความรุนแรงในเมือง กับการเคลื่อนไหวของมวลชนบางกลุ่มในต่างจังหวัด แต่นี่เป็นขบวนการที่กำลังทำลายความมั่นคงของประเทศอย่างชัดเจน มันไม่ใช่ความขัดแย้งทางการเมืองเท่านั้น แต่มันลุกลามขยายตัวกลายเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทข้ออ้างที่ว่าปัญหาการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมืองนั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่ยอมรับความจริงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในแผ่นดินนี้
“คำถามคือ กองทัพจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ขยายตัวไปมากแค่ไหน ถึงจะมีมาตรการป้องกันที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ตั้งรับด้วยการเอาทหารเสนารักษ์ตั้งด่านไปวันๆ เท่านั้น พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ควรตัดสินใจบางอย่างหรือยัง กองทัพต้องมีมารตรการที่เป็นรูปธรรมกว่านี้ เลิกอ้างว่าไม่มีกฎหมายรองรับหากทหารต้องเคลื่อนกำลัง แล้วเหตุการณ์ที่ทหารราบ 11 เข้าไปช่วยนักศึกษารามที่ ม.รามคำแหง และเหตุการณ์ปะทะที่หลักสี่ กองทัพใช้กฎหมายอะไรมารองรับ ไม่มีกฎหมายห้ามในสิ่งที่ถูกต้องและควรจะทำเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หัวใจของคนมีหน้าที่ต่างหากที่ควรถูกตั้งคำถามว่าทำไมท่านไม่ทำหน้าที่ที่ควรทำ สังคมที่น่ากลัว ไม่ใช่เพียงเพราะมีผู้ร้าย แต่คนทำหน้าที่ปราบปรามผู้ร้ายนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรที่ควรทำต่างหาก” นายสุริยะใสกล่าว