ปัตตานี - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีเหตุการณ์ฆ่าแล้วเผาทำลายศพในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด เผยเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ป่าเถื่อน
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าจากกรณีเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ฆ่าแล้วเผาทำลายศพราษฎรในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2557 และ 12 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมกับโปรยแผ่นใบปลิวว่าเป็นการตอบโต้ให้เด็ก 3 คน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมานั้น
จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ ดังนี้
1.ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติผู้ที่เสียชีวิต จากการกระทำอย่างโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีพฤติกรรมสุดโต่ง เผด็จการ และก่อการร้าย
2.พฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ใช้ความรุนแรงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือ การฉกฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ก่อขึ้น บิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ แล้วมาอ้างความชอบธรรมในการตอบโต้ โดยใช้ชีวิตพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เพื่อผลประโยชน์ของขบวนการเท่านั้น
3.จากกรณีเหตุการณ์เด็กถูกยิงเสียชีวิต 3 ศพ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีความรู้สึกเสียใจ และสะเทือนใจไม่ต่างจากทุกๆ คน และปัจจุบันอยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการสอบสวน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพร้อมให้ความร่วมมือในการทำความจริงให้ปรากฏ ดังนั้น การเรียกหาความเป็นธรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และองค์กรเครือข่ายด้วยการทำร้ายพี่น้องต่างศาสนิกชน เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการประณามอย่างกว้างขวาง เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันภายใต้พหุสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายศพ ถือเป็นการกระทำของพวกนอกศาสนา เพราะขัดกับบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง
4.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงมาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน มิใช่มาทำสงคราม เพราะพื้นที่แห่งนี้มิใช่พื้นที่สงคราม
ดังเช่นที่กลุ่ม Permas และองค์กรต่างๆ กำลังใช้ความพยายามนำมากล่าวอ้างบิดเบือน แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ก่อเหตุรุนแรง และอาชญากรที่กระทำผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อความมั่นคง พร้อมกับจะเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่าจากกรณีเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ฆ่าแล้วเผาทำลายศพราษฎรในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2557 และ 12 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมกับโปรยแผ่นใบปลิวว่าเป็นการตอบโต้ให้เด็ก 3 คน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต เมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมานั้น
จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจ ดังนี้
1.ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติผู้ที่เสียชีวิต จากการกระทำอย่างโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีพฤติกรรมสุดโต่ง เผด็จการ และก่อการร้าย
2.พฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ใช้ความรุนแรงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือ การฉกฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ก่อขึ้น บิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ แล้วมาอ้างความชอบธรรมในการตอบโต้ โดยใช้ชีวิตพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เพื่อผลประโยชน์ของขบวนการเท่านั้น
3.จากกรณีเหตุการณ์เด็กถูกยิงเสียชีวิต 3 ศพ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีความรู้สึกเสียใจ และสะเทือนใจไม่ต่างจากทุกๆ คน และปัจจุบันอยู่ในระหว่างเร่งดำเนินการสอบสวน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพร้อมให้ความร่วมมือในการทำความจริงให้ปรากฏ ดังนั้น การเรียกหาความเป็นธรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง และองค์กรเครือข่ายด้วยการทำร้ายพี่น้องต่างศาสนิกชน เป็นสิ่งที่ต้องได้รับการประณามอย่างกว้างขวาง เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันภายใต้พหุสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำลายศพ ถือเป็นการกระทำของพวกนอกศาสนา เพราะขัดกับบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง
4.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงมาปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน มิใช่มาทำสงคราม เพราะพื้นที่แห่งนี้มิใช่พื้นที่สงคราม
ดังเช่นที่กลุ่ม Permas และองค์กรต่างๆ กำลังใช้ความพยายามนำมากล่าวอ้างบิดเบือน แต่เป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ก่อเหตุรุนแรง และอาชญากรที่กระทำผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อความมั่นคง พร้อมกับจะเร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด