เลขาฯ สมช.รับเหตุลอบฆ่า กปปส.อาจเกี่ยวกลุ่มก่อเหตุปี 49 และปี 53 ยันกองกำลังต่างชาติไม่เอี่ยว โบ้ยส่อเป็นฝีมือ ผรท. อ้างคนร้ายไม่คิดฆ่าเด็กแต่คุมระเบิดไม่ได้ ขอให้เลิก แจงจับอดีตหน่วยซีลไม่เกี่ยวกับเหตุ อ้างแดงขอแยกประเทศยังไม่ได้ปฏิบัติ รอติดตาม ป้อง หน.เพื่อแม้ว ปัดยุจับอาวุธสู้
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะเลขานุการ ศรส. กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.ศรส.ระบุว่า เหตุการณ์คนร้ายยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ เกี่ยวข้องกับการกลุ่มที่เคยก่อเหตุในปี 49 แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กลับระบุว่า เป็นกลุ่มเดียวกับปี 53 ว่า ในแง่การข่าวมีการยึดโยงมาโดยตลอด เพราะเป็นคู่กรณีที่มีความขัดแย้งเชื่อมโยงกัน ซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสภาพ แต่เบื้องต้นกองทัพและ กอ.รมน.ยืนยันว่า ยังไม่มีกองกำลังต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการ อาจมีกลุ่มใหม่ที่เกี่ยวข้องคือ อดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) เพราะมีทั้งองค์กรทางความคิดและองค์กรปฏิบัติการ สุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่ห้างบิ๊กซี ราชดำริ คนร้ายจงใจทำร้ายเด็กและประชาชนผู้บริสุทธิ์หรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เขาไม่พึงประสงค์ทำแบบนั้น แต่เมื่อมีการใช้ระเบิดจึงไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ใช้ได้ เราจึงอยากสื่อสารไปยังผู้ที่ใช้ความรุนแรงขอให้ยกเลิกและไม่ควรคิดดำเนินการในลักษณะนี้
ส่วนการจับกุมอดีตทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามรบพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ได้ที่จ.ระยอง จำนวน 5 นายนั้น พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบเป็นอดีตหน่วยซีล และได้ออกไปทำงานอื่นแล้ว ซึ่งเป็นภารกิจส่วนตัว คงไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดๆ
เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.ขอให้หน่วยงานความมั่นคงแสดงจุดยืน หลังจากคนเสื้อแดงบางส่วนเรียกร้องให้มีการแยกประเทศ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เขาแสดงเจตนารมย์อะไรก็ตาม แต่การปฏิบัติยังไม่เกิดออกมาที่เป็นสภาพบังคับตามกฎหมาย เราจึงต้องติดตามดู ทั้งจากคำพูดจากการปฏิบัติ โดยสิ่งเหล่านี้เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะดูแลทั้งสองฝ่าย ถ้าผิดจริงเราพร้อมจะบังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่ม เมื่อถามถึงกรณีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ว่าพร้อมจับอาวุธสู้ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ไม่ใช่การประกาศจับอาวุธสู้ แต่หมายถึงในเชิงว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์การจับอาวุธต่อสู้กัน ดังนั้น เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงต้องติดตามระวัง