xs
xsm
sm
md
lg

ศรส.เล็งใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อายัดบัญชี “ดร.เสรี” พร้อม 58 แกนนำ กปปส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธาริต เพ็งดิษฐ์ (แฟ้มภาพ)
“ธาริต” อ้างการเข้าพื้นที่ข้างทำเนียบฯ แค่เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ทำผิด กม. เมื่อไม่พบตำรวจจึงเดินทางกลับ ไม่ใช่ขอคืนพื้นที่ ส่วนการเข้าพื้นที่ถนนแจ้งวัฒนะ แค่ลาดตระเวน กดดัน ระบุที่ไม่เข้าจับ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เพราะมีโล่มนุษย์หวั่นเกิดการสูญเสีย เล็งใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อายัดบัญชี “ดร.เสรี” พร้อม 58 แกนนำ กปปส.หลังศาลคุ้มครองชั่วคราวการอายัดทรัพย์ในกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส. แถลงผลการประชุม ศรส.ว่า การเข้าพื้นที่บริเวณถนนข้างทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนินนอก เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการเข้าตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย โดยได้ตรวจยึดอาวุธ ยาเสพติด และสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ เช่น อุปกรณ์ใช้ทำวัตถุระเบิด ส่วนผู้กระทำผิดได้หลบหนีไป ดังนั้น เมื่อปฏิบัติการเสร็จสิ้นจึงให้กำลังตำรวจกลับสู่ที่ตั้งโดยไม่คงกำลังตำรวจไว้ในพื้นที่ เพราะไม่ใช่การขอคืนพื้นที่ โดยมียุทธวิธีที่เหมาะสมต่างกันไป ประการสำคัญเป็นการปฏิบัติการโดยเปิดเผย จึงแจ้งให้สื่อมวลชนเข้าร่วมทำข่าว สังเกตการณ์

ส่วนการเข้าพื้นที่ถนนแจ้งวัฒนะตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็เพื่อตรวจสอบ ลาดตระเวน เจรจา และกดดัน เพื่อทำการเปิดสถานที่ศูนย์ราชการ และถนนแจ้งวัฒนะ ให้กลับมาให้บริการประชาชนได้ดังเดิม รวมถึงการเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคือ พระพุทธะอิสระ และการ์ดที่คุ้มกันด้วยซึ่งต้องกระทำด้วยความระมัดระวังมิให้เกิดการสูญเสียโดยเฉพาะประชาชนที่ถูกใช้เป็นโล่มนุษย์

สำหรับบกรณีศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กับนายเสรี วงษ์มณฑา หนึ่งในแกนนำ กปปส.ที่ถูกดำเนินคดี โดยศาลได้สั่งให้ดีเอสไอระงับการสั่งธนาคารอายัดบัญชี รวม 7 บัญชี นั้น ศรส.ได้รับรายงานว่า ดีเอสไอจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลทันทีที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อเป็นการเคารพและปฏิบัติตามคำสั่งของศาล

อย่างไรก็ตาม นายเสรี กับแกนนำ กปปส.ทุกคน รวม 58 คน ก็อาจถูกอายัดบัญชีระงับการทำธุรกรรมตามที่ ศรส.ได้แต่งตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 5 หน่วยงาน คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสรรพากร ซึ่งกำลังพิจารณาตรวจสอบและเตรียมสั่งอายัดบัญชีระงับการทำธุรกรรมตามที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้อำนาจไว้ ดังนั้น การใช้อำนาจสั่งอายัดบัญชีตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษที่ศาลสั่งให้ยกเลิก จึงเป็นคนละกรณีกับการจะสั่งอายัดหรือระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ศรส.ทั้งนี้ ศรส.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 หน่วยงาน ให้ตรวจสอบและพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุน การกระทำผิดที่เรียกว่าท่อน้ำเลี้ยง

นายธาริต กล่าวว่า ในวันนี้ ศรส.ได้มีมติจะทำการตรวจสอบ แล้วเชิญผู้ต้องสงสัยมาชี้แจงก่อนหากชี้แจงไม่ได้จึงจะประกาศรายชื่อระงับการทำธุรกรรม ซึ่งเป็นการให้ความเป็นธรรมมากกว่าที่เคยปฏิบัติโดย ศอฉ.ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งเหตุการณ์ชุมนุมในปี 2553 ที่ออกคำสั่งระงับการทำธุรกรรมก่อน แล้วจึงให้ชี้แจงภายหลัง

ส่วนกรณี นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวทีนิวส์ หนึ่งในแกนนำ กปปส.ผู้ต้องหา ที่ศาลได้ออกหมายจับประเภทหมาย ฉ.ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ จะครบกำหนดควบคุมตัว 7 วัน ในวันที่ 16 ก.พ.เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปขออนุญาตศาลควบคุมตัวต่ออีก 7 วัน ซึ่งศาลเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวแล้วจึงให้ปล่อยตัวนั้น ศรส.ได้รับแจ้งว่านายสนธิญาณ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร้ายแรงคือ ข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันก่อความไม่สงบในบ้านเมือง และร่วมกันยุยงส่งเสริมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคดีพิเศษที่มีเจ้าพนักงาน 3 ฝ่ายร่วมกันสอบสวน คือตำรวจ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการ

และเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) คณะพนักงานสอบสวนพร้อมด้วยพนักงานอัยการ ได้เข้าแจ้งข้อหาร้ายแรงดังกล่าวแก่นายสนธิญาณ เรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ ก็ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายขังมีกำหนดครั้งละ 12 วัน รวมแล้วไม่เกิน 84 วัน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกฎหมายปกติ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยได้ขอศาลคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และหากปล่อยตัวไปก็เชื่อว่าจะไปกระทำผิดซ้ำอีก ศรส.ขอยืนยันว่า การปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ เป็นขั้นตอนปกติตามกฎหมายซึ่งไม่อาจปฏิบัติเป็นอื่นได้ และไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ศรส.ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรภาคถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส.และแนวร่วม กรณีร่วมกันกระทำผิดด้วยการขัดขวางการเลือกตั้งด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานคร และในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการล่วงละเมิดสิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยตรง ขณะนี้ มีจำนวนคดีประเภทขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ จำนวน 159 คดี คดีประเภทเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งหน้าที่ไม่จัดการเลือกตั้ง จำนวน 168 คดี รวมคดีทั้งสิ้น 327 คดี และศาลได้ออกหมายจับ ให้แล้วจำนวน 67 คน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวนายสนธิญาณแล้ว ซึ่งนายธาริต กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของศาล ซึ่งทางดีเอสไอไม่ต้องดำเนินการอะไรต่อ และถือว่าเป็นสิ่งดี ที่จะให้นายสนธิญาณหยุดการเข้าร่วมกับ กปปส.


กำลังโหลดความคิดเห็น