ผ่าประเด็นร้อน
ถือว่าการต่อสู้ของชาวนาในเวลานี้เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยก็มีไม่น้อยที่เริ่มทยอยออกมาต่อสู้ทวงหนี้กับรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โกงเงินจากโครงการ “รับซื้อข้าว” ทุกเมล็ดไปนาน 5-6 เดือนแล้ว ปฏิกิริยาของพวกเขาล้วนเกิดขึ้นจากความ “เหลืออด” ทนไม่ไหว จากสารพัดปัญหาความเดือดร้อนรุมเร้าเข้ามาทุกทาง ต่างฝ่ายต่างก็ “จนตรอก” ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝ่ายรัฐบาลที่เวลานี้ “ถังแตก” ความแตกเกิดขึ้นก่อนกำหนด ไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายหนี้ ขณะที่ฝ่ายชาวนาก็ต้องบอกว่าวิกฤตแสนสาหัสที่สุดแล้ว เพราะเงินขาดมือนานขนาดนี้ มันก็ย่อมทำให้หนี้สินทั้งเก่าและใหม่พอกพูน และที่สำคัญก็คือไม่มีเงินก้อนใหม่มาหมุนสำหรับการลงทุนทำนารอบใหม่ที่มาถึงแล้ว
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่นับจากนี้ไปจะได้เห็นบรรดาชาวนาจากทั่วประเทศทยอยออกมาสมทบกับทวงเงินกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน และจากนี้ไปจะได่เห็นชาวนาประเภทที่เคยเป็น“คนกันเอง” ที่เคยเห็นใจรัฐบาล ถ้าพูดให้ตรงๆ ก็คือชาวนาที่เป็น “เสื้อแดง” มาก่อนนั่นแหละ แต่คราวนี้เมื่อความเดือดร้อนมันบังคับ มันก็ย่อมหน้ามืดทำได้ทุกอย่าง
แน่นอนว่าในช่วงแรกๆ คนพวกนี้อาจจะพอกัดฟันอดทนรอว่าอีกหน่อย “ยิ่งลักษณ์คนสวย กับทั่นเทวดาทักษิณ”จะหาเงินมาจ่ายจนได้ ไม่มีทางเบี้ยว เพราะเห็นใจคนจน แต่เป็นเพราะ “พวกอำมาตย์” และพวกม็อบกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ มาชุมนุมมาขัดขวางจนจ่ายเงินมาให้ไม่ได้ ตอนแรกอาจเชื่ออย่างนั้นจริง ยังเห็นใจรัฐบาล และอีกด้านหนึ่งก็ยังโกรธพวกกำนัน เนื่องจากมีการใช้วิชามารใช้หัวคะแนนในท้อนถิ่นไปยุยงเป่าหูแบบนั้นจริงๆ
หรือแม้แต่การ “จับชาวนา” เป็นตัวประกันด้วยการขู่ว่าถ้าไม่เลือกพรรคเพื่อไทยก็อดได้เงินค่าข้าวก็มี
อย่างไรก็ดี นาทีนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป จากปัญหาความเดือดร้อนที่รุมเร้าขมวดปมเข้ามาจนรัดตัวชาวนาแบบหายใจไม่ออก จากความเดือดร้อนเรื่องหนี้สิน เรื่องปากท้องประจำวัน มันย่อมส่งผลให้ชาวนา “หน้ามืด” ต้องหันกลับมาไล่บี้กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลจนได้ เพราะไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคจะเป็นอย่างที่รัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดงยุยงปั่นหัวอย่างไรก็ตาม แต่ในเมื่อยังไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ ถึงเวลานี้ชาวนาเริ่มไม่สนใจที่มาแล้ว สนใจแต่ “เฉพาะหน้า” คือ “เมื่อไหร่รัฐบาลจะหาเงินมาจ่าย” ส่วนจะไปเอามาจากไหน เอามาจากใครเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องหามาให้ได้
นั่นคืออารมณ์ของบรรดาชาวนาทั่วประเทศในขณะนี้ เริ่มมีอารมณ์เดือดปุดขึ้นมาแล้ว
สังเกตได้จากวงเจรจาระหว่างตัวแทนชาวนาในภาคตะวันตก และภาคกลาง ที่ปักหลักทวงเงินที่หน้ากระทรวงพาณิชย์กับตัวแทนรัฐบาล ที่นำโดยรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯที่เคยร่วมดูแลเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว วราเทพ รัตนากร และ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เจ้าของไอเดีย “โชวห่วย” อันห่วยแตก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม
ผลปรากฏว่าการเจรจาล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถยืนยันเวลาการจ่ายหนี้ให้ได้ ยังอ้างแบบเดิมคือไปโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุทำให้จ่ายเงินให้ไม่ได้
ทั้งที่สาเหตุจริงๆ คือ “โกง” ขายข้าวไม่ได้ และที่ผ่านมา “ไม่ได้ขายข้าวจริง”
สิ่งที่น่าจับตาก็คือ ต่อไปอีกไม่นานชาวนาอาจต้อง “ทวงข้าว” กลับคืนมา แต่จะเกิดปัญหาคือรัฐบาลไม่มีข้าวคืนให้อีก หรือมีก็เป็นข้าวเสื่อมสภาพ และหากสังเกตให้ดีก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวของชาวนาในการทวงข้าวออกมาขายเองกันบ้างแล้ว ซึ่งปัญหามันก็กลับวนกลับมาเรื่องเดิมอีก คือ “โกง” เพราะมีการแอบขายให้พรรคพวกบริษัทกันเองไปหมดแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นข้าวเสื่อมสภาพ ค้างเก็บแทบทั้งสิ้น
ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวจากบรรดาชาวนาทั่วประเทศ อย่างน้อยก็ได้เห็นชาวนาใน “ภาคอีสาน” 20 จังหวัดเริ่มขยับออกมาทวงเงินกันแล้ว ซึ่งความหมายก็คือพวกเขาเริ่มหน้ามืดมองไม่เห็นอนาคตกับรัฐบาลนี้มากขึ้นทุกวัน และอย่าได้แปลกใจที่ต่อจากนี้ไปจะเริ่มได้ยินเสียงขับไล่ “ยิ่งลักษณ์ออกไป” ดังขึ้นจากปากของคนกันเองบ้างแล้ว
อย่างไรก็ดีก็ยังมีชาวนาอีกไม่น้อยที่ยังเห็นใจรัฐบาล ยังให้โอกาสรัฐบาลทำนองว่า “แม้ตัวเองจะนอนก่ายหน้าผาก แต่ขอให้ช่วยทั่นทักษิณก่อนเถอะ ทั่นลำบากกว่าเราเยอะ”อะไรประมาณนั้น แต่เชื่อเถอะความเชื่อและอารมณ์แบบนี้เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ และจะกลายเป็นความแค้นในที่สุด จากความจริงที่กำลังประจักษ์แก่ตัวเอง ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องให้ตัวเอง “ฉิบหาย”ไปก่อนถึงจะรู้สึก
ขณะเดียวกัน สำหรับชาวนาที่ออกมาทวงเงินในตอนนี้ก็มีการปักหลักชุมนุมกันอย่างเอาจริงเอาจังประเภท “ไม่ได้เงิน ไม่กลับ”และไม่เชื่อถือรัฐบาลและ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่ชาวนาก็ต้องทำก็คือต้องยืนหยัดปัดหลักต่อสู้ทวงสิทธิของตัวเองให้ “สุดซอย”ต้องระดมกำลังออกมาให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจรัฐบาลทรราชเป็นอันขาด และที่สำคัญอย่าไปหลงคารมพวก “สิบแปดมงกุฎ”พวกนี้เป็นอันขาด
แต่หากจะแก้ปัญหากันแบบถอนรากถอนโคนก็ต้องรวมพลังไล่มันออกไปทั้งแก๊งนั่นแหละดีที่สุด ยั่งยืนที่สุด!!