“พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล” ประกาศอำลาการเมืองแล้ว ด้วยวัย 70 ปี ย้ำรับไม่ได้ มีคนเสียชีวิตในการชุมนุม กปปส. ยันยอมให้คนกระบี่โกรธที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปเสี่ยงความตายความพิการ จวกใครก็อย่ามาขอสนับสนุนการเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ จากตนเด็ดขาด จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ ขณะเดียวกันบอกอิ่มตัวทางการเมืองด้วย
วันนี้ (6 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุลพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ภายหลังการประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จังหวัดกระบี่ โดยได้ประกาศอำลาชีวิตทางการเมือง ในวัย 70 ปี โดยมีข้อความดังนี้
“ประชุมใหญ่เลือก กก.บริหาร ปชป.เขต 3 จ.กระบี่ กล่าวปราศรัยกับสมาชิกในฐานะอดีต ส.ส.
1. ขอบคุณ กก.บริหารชุดเก่า ผู้พ้นวาระพ้นวาระที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งตลอดมาในยามที่พรรคเป็นฝ่ายค้าน 2. กล่าวให้กำลังใจ กก.บริหารชุดใหม่ ที่เป็น กก.บริหารชุดแรกในรอบ 22 ปี ที่เป็นสาขาพรรคที่ไม่มี ส.ส.ในสภา 3. กล่าวอำลาการเมือง ในโอกาสวันที่ 5 ก.พ. 2014 อายุครบ 70 ปีตามทะเบียนบ้าน เพื่อดำรงสถานะอดีต ส.ส.ต่อไป เพราะอิ่มตัวทางการเมืองแล้ว
3.1 เป็น ส.ส.คนแรกของ จ.กระบี่ ที่เป็น ส.ส.เขตติดต่อกันถึง 22 ปีโดยไม่เคยสอบตก
3.2 ไม่เคยทิ้งประชาชนและพื้นที่ไปเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่เป็นอดีตรัฐมนตรี และงานสบายกว่า
3.3 แจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ได้มาที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อลงคะแนน แต่หน่วยเลือกตั้งปิดที่มาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องการละทิ้งหน้าที่ในโอกาสสุดท้ายที่กำลังจะจบชีวิตการเมือง ไม่ได้ตั้งใจกระทำการขัดกับหัวหน้าพรรคที่ประกาศไม่ไปเลือกตั้ง และไม่แจ้งเหตุผล ต่อเจ้าหน้าที่ โดยส่วนตัวรักและชื่นชมหัวหน้าพรรคม่โดยตลอด
3.4 การไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสิทธิ แต่การไปลงคะแนนเลือกตั้งเป็นหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ต่อไปการเมืองจะเป็นประการใดก็ตาม ขอสมาชิกอย่าไปขัดขวางการเลือกตั้งเด็ดขาด เพราะเราไม่เคยทำเช่นนี้
3.5 ขอบคุณสมาชิกหลายคนที่ได้ร่วมงานกันมาตั้งแต่เป็นหนุ่มสาว จนวันนี้หลายคนตรงหน้าเริ่มแก่เฒ่ากันแล้ว
3.6 ในยามสูงอายุ เราจึงซาบซึ้งถึงความรักและผูกพันต่อบุตรหลานต้องขออภัยที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปม็อบที่กรุงเทพฯ
4. ประสบการณ์ตลอดชีวิตทราบดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
4.1 ไม่อยากเห็นภาพแม่นายวสุ สุฉันทบุตร ที่ประคองใบหน้าลูกชายคนเดียวมองหน้าด้วยความอาลัยพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลจับขอบแว่นดำพรางดวงตาที่แดงก่ำ หญิงม่ายผู้อดออมส่งเสียลูกคนเดียวจนจบการศึกษาชั้นปริญญาโทจากออสเตรเลีย หวังได้พึ่งพายามแก่เฒ่าฝากผีฝากไข้ แต่นายวสุกลับทิ้งให้แม่ต้องมาทำศพลูกชายเสียเอง นายวสุจะเป็นวีรบุรุษของใครก็ตาม แต่เป็นคนใจดำกับแม่ตนเองเกินไป ผมจึงไม่ไปงานศพเขา
4.2 ภรรยานายสุทิน มีบุตรอายุเพียง 5 ขวบ ดูเหมือนชื่อแก้วตา แต่วันนี้แม่ของแก้วตาต้องเป็นหญิงม่าย และแก้วตาต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ 5 ขวบ
4.3 นายประคอง มีลูกคนเล็กอายุเพียง 3 ขวบ ไม่รู้ว่าพ่อตายแปลว่าอะไร
4.4 ดาบตำรวจผู้ตายคนหนึ่ง ลูกชายที่อุ้มอยู่ในมือแม่ พยายามโยนตัวไปหาศพพ่อที่นอนตายอยู่ พร้อมปลุกพ่อให้ตื่นกลับบ้าน
4.5 น้องสาวที่เป็นแพทย์หญิงประจำ รพ.2 แห่งใกล้รามคำแหง แจ้งให้ทราบว่า ศพที่รามคำแหงมีสองศพผ่านมือเธอที่โรงพยาบาล ศูนย์นเรนทรรายงานว่า จนถึงวันนี้คนบาดเจ็บเกิน 600 คนแล้ว คนเจ็บที่ผ่านสายตาเธอต้องพิการตลอดชีวิตในลักษณะต่างๆ หลายสิบราย
5. ผมยอมให้คนกระบี่โกรธผมที่ไม่สนับสนุนให้ใครไปเสี่ยงความตายความพิการเช่นนั้น และจนบัดนี้ ใครก็อย่ามาขอสนับสนุนการเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ จากผมเด็ดขาด บอกกล่าวไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกัน
พิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล
05-02-57”