ชาวนาต้องเข้ากรุงบุกบ้านปู-นิวัฒน์ธำรง-โต้ง ทวงหนี้ให้ได้!!

ผ่าประเด็นร้อน

ข่าวร้ายที่ชาวนาต้องทำใจก็คือ การประกาศอย่างเป็นทางการของ เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ธวัชชัย ยงกิตติกุล ย้ำว่า “จะไม่มีธนาคารพาณิชย์ใดให้รัฐบาลกู้เงินสำหรับโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล เนื่องจากมีความเสี่ยง ทั้งในเรื่องข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจนในกรณีรัฐบาลรักษาการ และความเสี่ยงจากธนาคารอาจล้มครืนจากความไม่เชื่อมั่นของประชาชนที่จะ “แห่ไปถอนเงิน”

สรุปก็คือ ไม่มีแบงก์ไหนปล่อยกู้ให้ “รัฐบาลเถื่อน” ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำไปโปะโครงการจำนำข้าวอย่างเด็ดขาด เพราะธนาคาร “ไม่กล้าเสี่ยง”

เป็นอันว่ารัฐบาลเลิกหวังที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ ดังนั้นมีทางเดียวคือต้อง “ขายข้าว” ในสต๊อกที่มีอยู่ทั้งหมดโดยเร็ว แต่ก็นั่นแหละการรีบขายแบบนี้มันก็ต้อง “ขาดทุนมหาศาล” และคนที่ขาดทุนก็คือชาวบ้านนั่นแหละ เพราะเป็นเงินงบประมาณ เงินภาษีนำไปซื้อ คราวก่อนบอกว่าขาดทุนรวมกันกว่า 4 แสนล้านบาท และเมื่อรวมกับการขรีบขายแบบไม่มีข้อต่อรองกับเอกชน เพื่อรีบหาเงินมาจ่ายหนี้ชาวนาก็ยิ่งถูกกดราคา อีกทั้งข้าวเก่าเก็บเสื่อมคุณภาพ มันก็ไม่มีราคาอยู่ยิ่งขาดทุนบักโกรก ฉิบหายวายป่วงขึ้นไปอีก

ขณะเดียวกัน การระบายข้าวไปต่างประเทศด้วยวิธีที่โม้และเป็นความลับมาตลอดด้วยการขายแบบ “จีทูจี” ที่ผ่านมาก็โกหกว่าขายให้จีน 1.2 ล้านตัน ปรากฏว่าในที่สุดก็โกหกต่อไปไม่ไหว ทำให้รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ต้องรีบออกมาอ้างว่าทางฝ่ายจีนได้ยกเลิกการซื้อข้าวด้วยวิธีดังกล่าวแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงก็คือไม่มีการทำสัญญาซื้อขายจริง เป็นเรื่องลวงโลกที่กุขึ้นมาตั้งแต่ต้น และที่ผ่านมาทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีการขายแบบดังกล่าว

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกับชาวนาก็คือ แม้ว่าจะเห็นใจแค่ไหนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกนั่นแหละมันมีความเสี่ยงทั้งทางกฎหมายและความเสี่ยงเรื่องธนาคารจะเจ๊งตามมาหากทำตามความต้องการของรัฐบาลเถื่อนที่แก้ปัญหาแบบ “มักง่าย” ดังกล่าว เพราะเป็นการ “ใช้เงินผิดประเภท” ทั้งที่วิธีการที่ถูกต้องก็คือ รัฐบาลต้อง “ขายข้าว” ที่รับซื้อหรือรับจำนำมาเพื่อนำเงินมาจ่ายคืนให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ยอมขายข้าวด้วยวิธีการเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลแข่งขันกันอย่างเสรี แต่กลับมีการทุจริตกันอย่างมโหฬาร มีการแอบขายข้าวราคาถูกให้กับบริษัทพรรคพวกตัวเอง มีการทุจริตทุกรูปแบบจนมีการขาดทุนถึงกว่า 4 แสนล้านบาทจากการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการนี้ไปกว่า 8 แสนล้านบาท

และเวลานี้หากมีการสอบสวนกันอย่างจริงจัง เชื่อว่าปริมาณข้าวเปลือกในโกดังที่รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ไปเช่าโกดังของพ่อค้าเอาไว้คง “เสื่อมสภาพ” กลายเป็นข้าวเน่า หรือ “สต๊อกลม” จำนวนมากอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ยอมให้ตรวจสอบ อ้างเป็นความลับตลอดเวลา

สิ่งที่ทำความเข้าใจกับชาวนาก็คือ หากต้องการ “ทวงหนี้” ก็ต้องไปทวงกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทวงกับรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นเจ้าของเรื่องโดยตรงในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล คนพวกนี้ถือว่าเป็นการกดดัน “ทวงเงิน” ที่ตรงตัวและถูกต้องที่สุด

ดังนั้นจึงเป็นการถูกต้องและเหมาะสมที่สุดกับการเคลื่อนไหวของชาวนาทั่วประเทศที่ออกมาประท้วงทวงหนี้ทั้ง “เงินต้น และดอกเบี้ย” จากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ถ้าให้ “มีพลัง” ต้องยกขบวนเข้ากรุงเทพฯ มา “ปิดบ้าน” คนพวกนี้ให้ครบทุกคน พร้อมทั้งประจานให้ได้อับอายว่า “โกงแม้กระทั่งชาวนา” อย่าให้มันลอยนวลเป็นอันขาด เพราะถ้าขืนช้าไปชาวนา “อดตาย” แน่

รัฐบาลโดยเฉพาะตัวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น ทำตัวไม่ทุกข์ร้อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!